บทกวีบทนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสันติสุขที่มีอยู่ในทุกที่ ทุกเวลา แฝงอยู่ทุกแห่งหน และไม่มีการแบ่งแยกศาสนา
แต่ว่าความสันติสุขนั้น ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามี แต่ก็เหมือนไม่มี เพราะภายใต้รอยยิ้ม
ภายใต้สิ่งที่เราเชื่อว่ามันคือสันติสุข ในคาบความปรองดอง เราไม่สามารถที่จะมีความสุขกับมันได้เลย ตราบใดที่ยังมีการฆ่ากันอยู่
ไม่ว่าจะเป็นคนภาคไหน คนเชื้อชาติอะไรก็ตาม มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้เรามีความสุขได้จริง ๆ มันไม่ใช่ความสุขที่มาจากใจ
แต่เป็นภาพของการปลอบใจและหลอกตัวเองว่าสักวันมันต้องมี
แต่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี วันนั้นก็ยังมาไม่ถึง
จึงมีแต่น้ำตาและความเศร้าอยู่ภายใต้หน้ากากของรอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสดงออกมาให้ทุกคนเชื่อว่ามันคือความสุข
เหมือนดังที่เราคิดและนึกฝันว่ามันจะมีสักวันที่สันติสุขจะมีจริง