วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ตีความ ชื่อบทกวี “ในคม” ในกวีนิพนธ์ “ครอบครัวดวงตะวัน” โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ






ชื่อบทกวี ในคมในกวีนิพนธ์ ครอบครัวดวงตะวันโดย ศิวกานท์  ปทุมสูติ

ตีความ

                บทกวีนี้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับจอบ หลายคนคงรู้จักกันอยู่แล้วว่าจอบคืออะไร และมีความสำคัญกับคนสวนอย่างไร เราต่างรู้กันดีว่าจอบก็ไม่ต่างอะไรจากมือเท้าของชาวสวน เพราะจอบเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากในการทำสวน ถ้าหากไม่มีจอบก็คงไม่สามารถขุดดินและทำหน้าดินที่ดีได้

                ซึ่งจอบมันก็เป็นตัวบ่งบอกเจ้าของได้เหมือนกันว่า คนนั้นเป็นคนอย่างไร ขยัน เกียจคล้าน ถนอมของ หรือทิ้งขว้าง มันจึงเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นนิสัยใจคอได้ ถ้าหากสงสัยว่ามันสะท้อนได้อย่างไร ลองมาดูตัวอย่างนี้ดูนะคะ

ถ้าหากว่า คุณใช้จอบเล่มหนึ่งในระยะเวลาหนึ่ง คุณใช้มันจนสึก มันไม่คมเหมือนเดิม และสิ่งที่คุณทำต่อไปคือทิ้งแล้วหาซื้อใหม่ เพราะคุณคิดว่าไม่เห็นเดือดร้อนอะไร ไม่ดีก็แค่เปลี่ยนไม่เห็นยาก นั้นก็แปลว่าคุณเป็นคนที่ไม่เห็นคุณค่าของ ไม่รู้จักดูแลรักษา และคิดที่จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

หากว่าอีกบ้านหนึ่งเจอปัญหาเดียวกับคุณ สิ่งที่เขาทำก็คือ ตะไบจอบให้คม ขัดจอบให้เงา เพื่อที่จะสามารถกลับมาใช้จอบเล่มเดิมได้ นั้นไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีเงินซื้อใหม่ แต่เหตุที่เขาไม่ซื้อใหม่เพราะว่าเขาเห็นคุณค่าของ ไม่ต้องใช้จ่ายโดยสิ้นเปลือง เพียงแค่ยอมเหนื่อย ยอมลงแรง มากกว่าลงเงิน ดูแลด้วยความรักเพื่อให้มันอยู่กับเราไปนาน ๆ

ถ้าถามว่าจากสองเหตุการณ์นี้ และที่กล่าวมาทั้งหมดมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร คุณลองกับไปอ่านที่ย่อหน้าแรกอีกครั้งและอีกครั้ง 

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ตีความ ชื่อบทกวี “หน่อพนา” ในกวีนิพนธ์ “ครอบครัวดวงตะวัน” โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ






ชื่อบทกวี หน่อพนาในกวีนิพนธ์ ครอบครัวดวงตะวันโดย ศิวกานท์  ปทุมสูติ

ตีความ

                บทกวีของตอนนี้มีอยู่ว่า ครอบครัวหนึ่งไปเก็บหน่อไม้ มีพ่อ แม่ ลูกชายและลูกสาว  พ่อและแม่ช่วยกันขุดหน่อไม้ ส่วนลูกชายช่วยดึง ลูกสาวถือตระกล้า ครอบครัวนี้จะเลือกเก็บแต่หน่อใหญ่ ๆ และปล่อยหน่อเล็กให้โตต่อไปเพื่อมาเก็บในครั้งหน้า เมื่อได้หน่อไม้แล้วก็จะนำไปทำอาหารกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

                และในตอนท้ายของบทนี้ยังได้แฝงข้อคิดดี ๆ ไว้อีกว่า ชีวิตของคนก็เหมือนกับหน่อไม้ พื้นดินก็เปรียบเหมือนพ่อ ต้นไผ่ก็เปรียบเหมือนแม่ ส่วนหน่อไม้ก็เหมือนลูก หน่อไม้จะเกิดขึ้นได้เพราะมีดินที่ให้เติบโต มีต้นไผ่ที่เป็นแม่พันธุ์ จึงทำให้มีหน่อไม้ได้ แม้ว่าชีวิตบางทีอาจจะมีอุปสรรคในแต่ละวันที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตบ้างก็ตาม

                เมื่อเราโตขึ้นเราก็มีทางเดินเป็นของเราเอง สร้างครอบครัวเองได้ แต่เราอย่าลืมที่มาของตัวเอง อย่าดูถูกตัวเองว่าเกิดมาต่ำต้อยด่อยค่า เพราะเราโตขึ้นมาจากความรักของพ่อแม่ ที่ทั้งรักทั้งหวง ดูแลเรามาเป็นอย่างดีตั้งแต่เล็กจนโต เพื่อให้เราเติบโตมามีชีวิตที่สมบูรณ์แข็งแรงและพร้อมที่จะใช้ชีวิตเป็นของตัวเองในแบบที่เราต้องการ

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ตีความ ชื่อบทกวี “น้ำผึ้งและเพลิงภู” ในกวีนิพนธ์ “ครอบครัวดวงตะวัน” โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ



ชื่อบทกวี น้ำผึ้งและเพลิงภูในกวีนิพนธ์ ครอบครัวดวงตะวันโดย ศิวกานท์  ปทุมสูติ

ตีความ

                บทนี้มีอยู่ว่า เด็กชายคนหนึ่งติดใจในรสชาติของน้ำผึ้ง เมื่ออยากกินน้ำผึ้งอีกครั้ง  จึงได้คิดที่จะไปเก็บน้ำผึ้งเอง เพราะเมื่อปีก่อนเคยไปช่วยพ่อเก็บมาก่อน พอถึงปีนี้จึงอยากที่จะเก็บเอง แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะการเก็บน้ำผึ้งครั้งนี้กลับทำให้ไฟไหม้ป่า ด้วยความที่เด็กชายไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงตกใจและไม่รู้ว่าควรจะจัดการดับไฟที่ลุกลามนี้อย่างไร ทำให้ไม่มีสติในการจัดการกับปัญหา จึงเกิดไฟลุกลามไปทั่วทั้งป่า เมื่อพ่อแม่รู้เรื่องจึงมีคำปลอบและคำสอนต่าง ๆ ให้เด็กชายฟัง และคืนนั้นก็เป็นคืนที่แห้งแลงที่สุด ทั้งพื้นที่ป่าและพื้นที่ในใจของเด็กชายกับเหตุการณ์และบทเรียนที่ยากจะลืมในครั้งนี้

                บทความนี้จะเห็นว่า เรื่องบางเรื่องมันก็ใหญ่เกินกว่าที่เราจะสามารถทำได้ ถึงแม้ว่าเราอาจจะคิดว่าเราโตพอที่จะทำมันด้วยมือของตัวเอง  แม้ว่าเราจะมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม ว่าเราสามารถทำได้ เพราะทุกอย่างมันสามารถเกิดความผิดพลาดได้เสมอ และเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ด้วยความที่เราไม่มีประสบการณ์ในการที่จะจัดการกับปัญหา มันก็สามารถทำให้ปัญหาเพียงเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ทันที  เหมื่อนดั่งบทกวีตอนนี้  

ทางทีดีหากว่าเราไม่ได้เชี่ยวชาญกับเรื่องนั้นจริง ๆ เราก็ไม่ควรที่จะเสี่ยงทำมันด้วยตัวเองเพียงลำพัง เพราะถ้ามันเกิดปัญหาเกินเราควบคุมได้มันก็คงจะเป็นแผลเป็นในจิตใจของเราไปตลอดชีวิต