บทกวีบทนี้เป็นการพูดถึงท้องฟ้าเปรียบกับชีวิตของคนเรา ที่มีความสวยงาม สว่างไสว โชติช่วงและล่วงดับไปตามกาลเวลา
ฉันเชื่อว่าทุกคนต่างเคยมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนกันใช่ไหม
ท้องฟ้าที่มีหมู่ดาว มีพระจันทร์ มีก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า ซึ่งบางคนมองท้องฟ้าแล้วรู้สึกเหงา
บางคนมองท้องฟ้าแล้วรู้สึกสดชื่น เหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตที่สดใสในวันพรุ่งนี้
บางคนมองท้องฟ้าแล้วมีความสุข และบางคนมองท้องฟ้าแล้วมีความเศร้า บางคืนท้องฟ้าสว่างไสวเต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่บางคืนท้องฟ้าก็มืดหม่น มองเห็นแต่ความว่างเปล่าและเดียวดาย
บทกวีบทนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่า
บนท้องฟ้าก็เปรียบเหมือนดั่งชีวิตของเราที่อยู่บนโลก โลกนั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆมากมายที่ชีวิตเราต้องเจอ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าชีวิตในแต่ละวันเราจะเจอกับอะไร ดาวก็เหมือนตัวแทนของเราเองที่อยู่บนโลก บางวันชีวิตเราก็สดใสเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่อยู่รอบ
ๆ ตัวเรา เต็มไปด้วยความสุขและมีชีวิตชีวา
แต่บางครั้งมันก็อ้างว้างเมื่อรอบข้างที่เรายืนเต็มไปด้วยผู้คนที่เราไม่รู้จักใครเลยสักคน
มันก็ทำให้รู้สึกโดดเดียวและโหยหาบางสิ่งบางอย่างที่จะมาช่วยเติมเต็มในชีวิต เพื่อให้ชีวิตกลับมาสดใสอีกครั้ง และสุดท้ายทุกอย่างย่อมมีการสิ้นสุดลง
เมื่อเวลาที่ต้องล่วงหล่นลงจากฟ้ามาถึง เพื่อมีดาวดวงใหม่ขึ้นมาทดแทน
ก็เหมือนชีวิตของเราที่ต้องลาโลกไปในที่สุดเมื่อหมดเวลาของชีวิต
และมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นมาแทนบนโลกใบนี้