ชื่อบทกวี “ไม่น้อยใจ” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์
“มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย
ชมจันทร์
ตีความ
ในบทกลอนนี้ฉันเห็นถึงพลังและความมุ่งมั่นที่เข้มแข็งมาก
พลังในการผลักดันตัวเองให้กล้าที่จะเผชิญกับทุกอย่างที่พร้อมจะเข้ามาปะทะทั้งกับร่างกายและจิตใจ
ไม่คิดจะถอย
ไม่คิดจะเอาใครเป็นที่พึ่งนอกจากตัวของตัวเองเท่านั้น
หลาย ๆ
คนคงคิดว่าบางอย่างเราอาจจะทำไม่ได้ทั้ง ๆ
ที่เรายังไม่เคยที่จะลองทำมันเลยสักครั้ง
หรือบางคนอาจจะคาดหวังสิ่งต่าง ๆ จากคนอื่นมากเกินไป คิดว่าทุกสิ่งมันมีแต่ความสวยงามไม่ว่าจะกับตัวเราเองหรือกับคนอื่นก็ตาม ถ้าวันหนึ่งเราผิดหวังในตัวเอง เรากลับพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยน
พร้อมที่จะแก้ไข พร้อมที่จะให้โอกาสตัวเอง เมื่อเรากลับยอมรับตัวเอง
และไม่คิดว่าตัวเองผิดถึงขนาดที่ไม่มีค่าอะไรเลย
แต่ในทางกลับกัน
ถ้าคนอื่นทำเราผิดหวัง ทำไมเราถึงได้เสียใจและยอมรับไม่ได้ในความผิดหวังครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่ใคร ๆ ก็ต่างเคยผิดหวังในตัวเองมาแล้วแท้
ๆ แต่ทำไมพอคนอื่นทำเราผิดหวัง ทำไมถึงได้เศร้า เสียใจ และรับผลมันไม่ได้ขนาดนี้กันนะ
มันก็คงไม่แปลกที่บางทีเราจะคาดหวังกับคนอื่นมากไป มันอาจจะเป็นความเชื่อใจและมั่นใจว่าเขาไม่ทำให้เราผิดหวัง เราเลยไม่เคยเผื่อใจไว้ ว่าถ้าเกิดมีบางอย่างต่างไปจากที่เราหวังไว้มันจะเป็นอย่างไร เราต่างหวังที่จะให้เขาทำหรือเป็นไปตามที่เราหวัง แล้วถ้าเขาทำไม่ได้เราก็ผิดหวัง
และเสียใจกับสิ่งนั้นมาก
ถ้าจะถามว่าฝ่ายนั้นผิดไหมที่ทำไม่ได้อย่างที่เราหวังไว้
ฉันว่าบางทีเขาอาจจะไม่ผิดมากขนาดนั้นก็ได้ เพราะเขาก็คือคนธรรมดาสามัญทั่วไป ที่สามารถผิดพลาดกันได้ ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาดหรอก แต่ที่เราคิดว่ามันเป็นความผิดร้ายแรง และมากเกินจะให้อภัยได้ มันก็คงเป็นเพราะตัวของเราเองมากกว่า ที่ไม่คิดจะเผื่อใจไว้บ้างจนทำให้เราเจ็บหนักแบบนี้
ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะพึ่งตนเอง คนทุกคนไม่มีสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ เพียงแต่มันมีแค่ทำได้ดีกับทำได้ไม่ดี
แต่ถ้าเราเลือกที่จะยอมแพ้ต่อความรู้สึกของตนเอง เราลองพยายามไปเรื่อย ๆ แบบไม่ย่อท้อ
มันก็จะเห็นผลวันข้างหน้าเอง
การที่เราเลือกที่จะพึ่งคนอื่นมันไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้
แต่มันคือการที่เราคาดหวังว่าเขาทำได้ดีกว่าเราแน่นอน มันก็เลยกลายเป็นว่าเราให้คำนิยามกับคำว่า
ทำไม่ได้ ไปโดยปริยาย
ฉันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเข้มแข็งตลอดเวลาไม่คิดจะพึ่งใครอะไรเลย เพียงแต่อยากให้ลองเผื่อใจเอาไว้บ้าง ลอง
เปลี่ยนจากการร้องขอให้เขาทำให้เรา
เป็นการที่เราทำให้เขาบ้างสิ ผลัดกันให้ผลัดกันรับ ถ้าเขาให้เรา
เราก็รับ ถ้าเราให้เขา
เขาก็รับ โดยที่ไม่ต้องคาดหวังว่ามันจะต้องดีกว่าเดิม เราต้องได้มากกว่าเดิม บางทีการเป็นผู้ให้ในบางครั้งเราอาจจะสบายใจและสนุกกว่าการที่เราเป็นฝ่ายร้องขอก็ได้