ชื่อบทกวี “ลมร้ายจากปลายไร่” ในกวีนิพนธ์
“ครอบครัวดวงตะวัน” โดย
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
ตีความ
เรื่องของบทนี้นะคะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำเกษตรกรรมที่ใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชของเพื่อนบ้าน
ที่ทำให้เราเกิดผลกระทบได้รับสารเคมีเหล่านั้นไปด้วย
ถึงแม้ว่าจะบอกเพื่อนบ้านว่ามันไม่ดีอย่างไร และแนะนำวิธีธรรมชาติให้ไปใช้ เพื่อนบ้านก็เหมือนจะเข้าใจ แต่สุดท้ายเพื่อนบ้านก็ยังทำเหมือนเดิม จะกลั้นรั้วก็กลัวว่าจะเสียชุมชน
จะไปเตือนอีกก็กลัวเสียมิตร บทสรุปของตอนนี้ก็ทำได้แค่ยอมรับในสิ่งที่เพื่อนบ้านทำเพราะมันคือวิธีของพวกเขา
ฉันขอเสนอความคิดอย่างสองมุมให้ได้เห็นกันให้กระจ่าง ถ้าในมุมของเจ้าของบ้านที่ได้รับผลกระทบ
จะเห็นได้ว่าเจ้าของบ้านมีความคิดแบบสมัยใหม่ ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเกษตรแบบใหม่ที่นิยมใช้วิธีแบบธรรมชาติในการทำเกษตร เพราะเขารู้ดีว่าการใช้สารเคมีแบบเก่า การใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า มันส่งผลเสียอย่างไรกับธรรมชาติรอบ ๆ
ตัวบ้าง ทั้งหน้าดิน ทั้งแหล่งน้ำ
ไหนจะมลพิษทางอากาศที่แพร่กระจายไปยังคนในพื้นที่โดยรอบ และมันจะเป็นการทำลายธรรมชาติระยะยาว ซึ่งส่งผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ถ้ามองในมุมของเพื่อนบ้านที่ใช้ยาฆ่าแมลง
การที่เพื่อนบ้านยังใช้การทำเกษตรรูปแบบเดิมเป็นเพราะว่า ตั้งแต่เล็กจนโต เขาก็ใช้แบบนี้มาตลอด และจะมั่นใจได้อย่างไรถ้าเปลี่ยนไปใช้แบบที่เจ้าของบ้านแนะนำพืชผักของเรามันจะได้ผลดีมากกว่าตอนนี้
ไม่มีอะไรเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ได้รับรู้มาใหม่มันจะเป็นไปในทางที่ดีได้ ถึงแม้ปัจจุบันมันอาจจะไม่ได้ผลดีมาก แต่มันก็คงไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้ ถ้าจะลองแบบใหม่ก็ไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นอย่างไร
อาจจะแย่กว่าตอนนี้ก็ได้
ฉันคิดว่าการที่จะทำให้เพื่อนบ้านยอมเปลี่ยนความคิดได้ในเรื่องนี้คือการที่เราลงมือทำให้พวกเขาเห็นว่ามันสามารถส่งผลดีและสร้างความมั่นใจว่ามันว่ามันต้องดีกว่าวิธีเดิม
ๆ ที่เขาเคยใช้มา การที่เพื่อนบ้านไม่ทำตามที่ได้รับคำแนะนำไปเป็นเพราะ เขากลัวที่จะส่งผลแย่ทางการเกษตรมากกว่าเดิม
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอาชีพเกษตรกร เป็นอาชีพที่ใช้ชีวิตเดิมพันธุ์กับผลของพืชผักของตนเอง และยังมีสภาพอากาศ
หรือศัตรูพืชคอยจ้องเล่นงานอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าการปลูกครั้งนี้จะได้กำไรหรือขาดทุน มันเป็นการลงทุนที่เสี่ยง ด้วยเหตุนี้
คนรุ่นเก่าจึงคิดว่าการที่เราต้องลองทำอะไรใหม่ ๆ ตามที่ได้รับคำแนะนำมา มันได้ผลไม่ทันใจ หรือมันอาจจะทำให้ผลแย่กว่าเดิมก็ได้
จึงไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับสิ่งที่ยังไม่เห็นด้วยกับตาของตนเองว่ามันได้ผลดีจริง
ๆ