วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ตีความ ชื่อบทกวี “ลมร้ายจากปลายไร่” ในกวีนิพนธ์ “ครอบครัวดวงตะวัน” โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ



ชื่อบทกวี “ลมร้ายจากปลายไร่” ในกวีนิพนธ์ ครอบครัวดวงตะวัน” โดย ศิวกานท์  ปทุมสูติ

ตีความ

                เรื่องของบทนี้นะคะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำเกษตรกรรมที่ใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชของเพื่อนบ้าน   ที่ทำให้เราเกิดผลกระทบได้รับสารเคมีเหล่านั้นไปด้วย   ถึงแม้ว่าจะบอกเพื่อนบ้านว่ามันไม่ดีอย่างไร  และแนะนำวิธีธรรมชาติให้ไปใช้  เพื่อนบ้านก็เหมือนจะเข้าใจ  แต่สุดท้ายเพื่อนบ้านก็ยังทำเหมือนเดิม   จะกลั้นรั้วก็กลัวว่าจะเสียชุมชน จะไปเตือนอีกก็กลัวเสียมิตร บทสรุปของตอนนี้ก็ทำได้แค่ยอมรับในสิ่งที่เพื่อนบ้านทำเพราะมันคือวิธีของพวกเขา

                ฉันขอเสนอความคิดอย่างสองมุมให้ได้เห็นกันให้กระจ่าง   ถ้าในมุมของเจ้าของบ้านที่ได้รับผลกระทบ  จะเห็นได้ว่าเจ้าของบ้านมีความคิดแบบสมัยใหม่  ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเกษตรแบบใหม่ที่นิยมใช้วิธีแบบธรรมชาติในการทำเกษตร    เพราะเขารู้ดีว่าการใช้สารเคมีแบบเก่า  การใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า  มันส่งผลเสียอย่างไรกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัวบ้าง  ทั้งหน้าดิน  ทั้งแหล่งน้ำ  ไหนจะมลพิษทางอากาศที่แพร่กระจายไปยังคนในพื้นที่โดยรอบ  และมันจะเป็นการทำลายธรรมชาติระยะยาว   ซึ่งส่งผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอนอยู่แล้ว

                แต่ถ้ามองในมุมของเพื่อนบ้านที่ใช้ยาฆ่าแมลง   การที่เพื่อนบ้านยังใช้การทำเกษตรรูปแบบเดิมเป็นเพราะว่า  ตั้งแต่เล็กจนโต  เขาก็ใช้แบบนี้มาตลอด  และจะมั่นใจได้อย่างไรถ้าเปลี่ยนไปใช้แบบที่เจ้าของบ้านแนะนำพืชผักของเรามันจะได้ผลดีมากกว่าตอนนี้   ไม่มีอะไรเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ได้รับรู้มาใหม่มันจะเป็นไปในทางที่ดีได้   ถึงแม้ปัจจุบันมันอาจจะไม่ได้ผลดีมาก  แต่มันก็คงไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้  ถ้าจะลองแบบใหม่ก็ไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นอย่างไร อาจจะแย่กว่าตอนนี้ก็ได้

                ฉันคิดว่าการที่จะทำให้เพื่อนบ้านยอมเปลี่ยนความคิดได้ในเรื่องนี้คือการที่เราลงมือทำให้พวกเขาเห็นว่ามันสามารถส่งผลดีและสร้างความมั่นใจว่ามันว่ามันต้องดีกว่าวิธีเดิม ๆ ที่เขาเคยใช้มา   การที่เพื่อนบ้านไม่ทำตามที่ได้รับคำแนะนำไปเป็นเพราะ  เขากลัวที่จะส่งผลแย่ทางการเกษตรมากกว่าเดิม  

อย่างที่เราทราบกันดีว่าอาชีพเกษตรกร  เป็นอาชีพที่ใช้ชีวิตเดิมพันธุ์กับผลของพืชผักของตนเอง   และยังมีสภาพอากาศ หรือศัตรูพืชคอยจ้องเล่นงานอยู่ตลอดเวลา  ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าการปลูกครั้งนี้จะได้กำไรหรือขาดทุน   มันเป็นการลงทุนที่เสี่ยง  ด้วยเหตุนี้ คนรุ่นเก่าจึงคิดว่าการที่เราต้องลองทำอะไรใหม่ ๆ ตามที่ได้รับคำแนะนำมา  มันได้ผลไม่ทันใจ  หรือมันอาจจะทำให้ผลแย่กว่าเดิมก็ได้   จึงไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับสิ่งที่ยังไม่เห็นด้วยกับตาของตนเองว่ามันได้ผลดีจริง ๆ