ชื่อบทกวี “บุญ” ในรวมบทกวี “มือนั้นสีขาว” โดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
ตีความ
ในบทนี้เราจะเห็นภาพว่าพระฉันเพล เด็กวัดก็ต่างมานั่งมองพระฉัน เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว เด็กวัดก็ได้กินอาหารต่อ หมาก็จะนั่งมองเด็กวัดกินอาหาร เมื่อเด็กวัดอิ่มแล้ว หมาก็จะได้กินอาหารต่อ แต่ว่าเมื่อหมากินอาหารนั้น กลับมีเด็กมอมแมมมองหมากิน ในบทนี้ผู้แต่งได้บอกอีกว่าที่นี้เป็นที่ขายบุญ
เมื่อมาซื้อก็จะได้บุญ
เพราะได้แบ่งบุญให้กันเป็นทอด คนไม่มีบุญได้แต่มองการกินอาหารเหล่านั้น คนไร้โอกาสได้แต่คิดว่าบุญคืออะไร
ซึ่งมันทำให้เห็นได้ว่า
คนเรายึดติดแค่กับว่าการทำบุญคือการใส่บาตรพระถึงจะได้บุญ การเข้าวัดเข้าวาถึงจะได้บุญ
แต่กลับไม่เคยนึกถึงเลยว่าการที่เราช่วยเหลือเด็กไร้โอกาส
หรือคนที่เขาไม่มีโอกาสแม้จะได้กินข้าวให้อิ่มท้องในแต่ละมื้อนั้นจะเป็นการได้บุญอีกทางหนึ่งเหมือนกัน
แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว คนที่ยากไร้เหล่านี้กลับได้รับความรังเกลียดจากคนส่วนมาก
มากกว่าที่จะเห็นใจเสียด้วยซ้ำ
บทนี้สะท้อนให้เห็นว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รำบากอยู่ในโลกใบนี้
แต่กลับมีแต่คนมองข้าม มีแต่คนรังเกียจทั้ง
ๆ ที่เขาก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน
แต่ทำไมเราจึงมองข้ามเขาไปแบบนั้น
บางทีการเป็นหมาวัดอาจจะมีความสุขมากกว่าเกิดมาเป็นคนแบบพวกเขาก็ได้ อยากน้อยหมาก็มีอาหารให้กินซึ่งต่างจากคนเหล่านี้ ที่ไม่รู้ว่าจะได้กินอาหารในแต่ละวันหรือไม่ ฉันคิดว่าการที่เราช่วยเหลือผู้ด้วยโอกาสแบบไม่หวังผล
อาจจะดีกว่าการที่ทำบุญอยู่ทุกวันนี้ก็ได้
เพราะการที่เราช่วยเหลือผู้ตกทุกได้ยาก
มันเป็นการต่อชีวิต เป็นการให้อนาคตของเขาก็ได้ แต่ทำไมหนอพวกเขาถึงโดนมองข้ามไปได้มากขนาดนั้น คนเราทำบุญเพื่อหวังจะได้บุญ
แต่จะมีบ้างไหมที่ทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่นอย่างบริสุทธิ์ใจจริง ๆ โดยไม่หวังอะไรเป็นการตอบแทน