ชื่อบทกวี “จังหัน” ในรวมบทกวี “มือนั้นสีขาว” โดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
ตีความ
บทนี้จะเห็นว่าเด็กน้อยนั่งดูใบจังหัน
(กังหัน) ที่หมุน จังหันมันหมุดเร็วมากเมื่อโดนลม
เด็กน้อยอยากจะดูใบจังหันแต่เด็กน้อยไม่สามารถสั่งลมให้หยุดพัดได้ เธอจึงจับจังหันหนีลมแทน เมื่อใบจังหันหยุด เธอเห็นว่าใบจังหันมีอยู่สี่ใบ คุณตาของเธอได้เขียนข้อความไว้ในใบจังหันแต่ละใบว่า
แต่เมื่อจังหันหมุนเธอไม่สามารถอ่านได้ว่ามันมีคำอะไรบ้าง แต่เมื่อมันหยุดเธอจึงสามรถอ่านได้ว่ามีคำว่า รัก โลภ โกรธ หลง เขียนไว้ในจังหันแต่ละใบ
บทนี้ฉันคิดว่า
จังหันนั้นน่าจะเปรียบเสมือน ชีวิตของคนเรา ที่วิ่งวนอยู่ในวงจรของความรัก โลภ
โกรธ หลง อยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่หยุดดูมันแล้วคิดสักนิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เราเกิดทุกข์
ทั้งทางกายและใจ ถ้าเราเลือกที่จะวิ่งต่อไปเรื่อย
ๆ เราก็จะอยู่ในวงล้อมของมัน และไม่มีทางที่เราจะรู้ตัวได้ว่าเรากำลังยึดติดอยู่ในสิ่งเหล่านั้น
เราจะไม่สามารถหนีพ้นได้ ถ้าเราไม่คิดจะหยุดความรู้สึกและความคิดของเราเอาไว้ตรงนั้น
แต่่เมื่อเราเลือกที่จะหยุดสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นแล้วถอยออกมา
เราจะสามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่เราติดอยู่มันคืออะไร เรากำลังยึดติดกับสิ่งเหล่า ที่มันไม่สามารถทำให้เกิดความสุขในชีวิตได้จริง ๆ
เพราะว่าถ้าเรายังอยู่ในจุดที่เราเป็นอยู่ ยืนอยู่ในจุดนั้น
เราไม่สามารถมองได้ทั่วว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่เมื่อเราเลือกที่จะหยุด แล้วยืนมองมันเราจะรู้ได้ทันทีว่า
เราควรทำอะไรต่อไปหลังจากนี้ ก็เหมือนใบของจังหัน ที่เมื่อมันหมุดอยู่ เราจะไม่รู้ว่าใบนั้นเขียนคำว่าอะไร ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะสั่งห้ามลมได้
เราก็ควรที่จะห้ามตัวเองไม่ให้โดนลม ถ้าไม่โดนลมแล้ว
มันก็เหมือนกับว่าเราได้หยุดสิ่งนั้นแล้ว
เมื่อเราหยุดเราก็สามารถมองออกในสิ่งที่เรามองไม่เห็นเมื่อใบจังหันหมุน