ชื่อบทกวี “สรรพชีพ” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์
“มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย
ชมจันทร์
ตีความ
ในบทนี้เราจะเห็นสิ่งมีชีวิตของเหล่าสัตว์นานาพันธุ์ที่แสดงอาการต่าง
ๆ ให้เห็น บ้างก็ยิ้มแย้ม บ้างก็เจ้าเล่ห์
บ้างก็ดุร้าย บางชนิดก็มีพิษและไม่มีพิษตามแต่สายพันธุ์
ถ้าดูโดยรวมแล้วชีวิตของสัตว์เหล่านี้ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เท่าไหร่ สัตว์ใช้สัญชาตญาณในการดำเนินชีวิต แต่มนุษย์นั้นสามารถใช้ได้ทั้งความรู้และสัญชาตญาณในการดำเนินชีวิต และคนส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้สัญชาตญาณมากกว่าความรู้เสียอีก
เช่นการที่เรารับรู้ถึงความอันตรายที่กำลังเข้ามา
เราเพียงแค่รู้สึกแต่เหตุการณ์มันยังไม่ทันเกิด และเราก็เลือกเชื่อว่ามันมีบางสิ่งที่อันตรายอยู่แถวนี้แต่เรายังไม่สามารถคิดวิเคราะห์ได้ว่ามันจะเกิดอะไรต่อไปหลังจากนี้
ฉันคิดว่าอีกสิ่งหนึ่งที่เราต่างจากสัตว์ก็คือการจำแนกชนิด สัตว์ชนิดต่าง ๆ เราสามารถแยกได้ว่าสิ่งไหนเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู
แต่หากว่ากับมนุษย์ด้วยกันเองเราไม่สามารถบอกได้เลยว่าใครคือมิตรหรือศัตรู สมมุติว่าเราเจองู เราสามารถรู้ได้เลยว่ามันต้องทำร้ายเราเพราะมันเป็นตัวอันตราย แต่กับมนุษย์ด้วยกันเอง คุณสามารถบอกได้ไหมว่าคนที่คุณคบเป็นเพื่อนอยู่เขาเป็นคนดีจริงและไม่มีวันทำร้ายคุณ
แต่ว่าโลกนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่แน่นอนเสมอไป
เพราะบางทีมิตรอาจจะกลายเป็นศัตรู หรือว่าศัตรูอาจจะกลายเป็นมิตร เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครคือมิตรแท้หรือมิตรเทียม และสิ่งหนึ่งที่คนกับสัตว์มีเหมือนกันก็คือ
การให้อภัย ถ้าถามว่าสัตว์มันมีความคิดเรื่องการให้อภัยได้ด้วยหรือ ฉันของตอบว่าฉันมันไม่มีความคิดก็จริง
แต่มันมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูงมาก
และมันก็พร้อมจะเชื่อใจกับสิ่งที่มันรู้สึกว่านั้นคือมิตร ที่ไม่ทำร้ายมัน
เช่นการที่คุณมีสัตว์เลี้ยงแล้วคุณตีมัน
มันกลัวมันเจ็บ แต่หากว่าคุณเดินเข้าไปลูบหัวมัน ความกลัวมันก็จะคลายลงและกลับมาเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณเหมือนเดิมและภัคดีต่อคุณเหมือนเดิม ต่อให้คุณจะทำร้ายมันอีกในวันข้างหน้าก็ตาม
แบบนี้เรียกว่าการให้อภัยของสัตว์เลี้ยงได้ไหมล่ะ คนเราก็ไม่ต่างกัน การที่เราจะอยู่ร่วมกับใครได้
ไม่ว่าเราจะเคยมีเรื่องอะไรกันมาก็ตาม
ทุกอย่างที่เคยบาดหมางมันจะจบลงได้ทันที
ถ้าหากว่าเราและเขาให้อภัยซึ่งกันและกัน