ชื่อบทกวี “ก่อนฝน” ในกวีนิพนธ์
“ครอบครัวดวงตะวัน” โดย
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
ตีความ
อ่านบทกวีบทนี้แล้วนึกถึงตัวเองในวัยเด็กเลย ตอนเด็ก ๆ คุณเคยวาดรูปก้อนเมฆกันใช่ไหมคะ มองฟ้าแล้วก็วาดตามรูปเมฆ วาดแล้วก็ลบ ลบแล้วก็วาดใหม่ เพราะเมฆมันไม่เคยอยู่เฉย ๆ
ให้เราวาดเสร็จเลย เงยหน้ามาทีไร มันก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว ทุกเอาวุ่นเหมือนกันในบางที
แต่ว่าการที่เราวาดรูปเมฆที่ลอยไปลอยมาอยู่บนนั้นมันกลับทำให้เรามีความสุขและสนุกอยู่ไม่น้อย พอวาดไม่ได้เราก็วิ่งไล่ตามเมฆแทน
วิ่งตามเพื่อดูว่ามันจะหนีเราไปไหนได้
ทำเอาเหนื่อยไม่น้อยที่ต้องไล่ตาม
เพราะเมฆมีหลายก้อนเราก็เลยเปลี่ยนไป ๆ มา
เดี๋ยวจับก้อนนู้นเดี๋ยวตามก้อนนี้
ซึ่งการได้ทำสิ่งเหล่านี้มันมีความสุขไม่น้อยเลย มันทั้งมีความสุขและสนุกในแบบที่เด็ก ๆ
เราเคยทำกัน ความสุขนี้มันเป็นความสุขที่ออกมาจากใจของเรา โดยไม่มีการปรุงแต่งหรือความคิดซับซ้อนอะไร มันคือความสุขความพอใจกับสิ่งรอบตัวที่เรามี ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถครอบครองก้อนเมฆก้อนไหนได้เลย
แต่เราก็ชอบที่เมฆมันลอยไปลอยมาในบนฟ้าที่กว้างใหญ่และสวยงาม
ฉันคิดว่า ความสุขในวันเด็กนั้นเป็นความสุขที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีองค์ประกอบอะไรมากมายในชีวิตเหมือนตอนเราโต ตอนเด็ก ๆ แค่ไล่จับก้อนเมฆเราก็มีความสุขและสนุกที่สุดแล้ว แต่เมื่อเราเติบโตขึ้นมาเรากลับไม่รู้สึกมีความสุขหรือสนุกเท่าตอนนั้นเลย ทั้งที่เรามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากกว่าสมัยก่อนมาก
อยากรู้อะไรก็สามารถกดค้นหาตามแหล่งข้อมูลได้ทันที อยากสนุกก็แค่เล่นเกมในโทรศัพท์ไม่ต้องไปวิ่งเล่นเหมือนตอนเด็ก
ๆ ก็สนุกได้
แต่ฉันกลับคิดว่า
การที่เราไม่มีความสุขและสนุกเท่ากับตอนเด็กนั้น อาจจะเพราะเราต่างต้องการสิ่งต่าง
ๆ เข้ามาในชีวิตมากยิ่งขึ้น ทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เริ่มเข้ามาในชีวิต เรากลับรู้สึกต้องการสิ่งต่าง ๆ
เพื่อมาเติมเต็มให้ตัวเองมีความสุขอยู่ตลอดเวลา
แต่เรากลับลืมมองย้อนกลับไปว่า ความสุขมันอยู่ที่ใจของเราที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งต่าง
ๆ ที่อยู่รอบตัวมากกว่าการสนใจแค่สิ่งที่เราคิดว่าสามารถทำให้เรามีความสุขได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม