ชื่อบทกวี “ชีวิตใหม่” ในกวีนิพนธ์
“ครอบครัวดวงตะวัน” โดย
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
ตีความ
เมื่ออ่านบทกวีบทนี้แล้วทำให้นึกถึงสมัยเด็ก
ๆ ที่ผู้ใหญ่มักจะคอยชี้ให้ดูนกที่บินผ่านหรือ บินไปเกาะต้นไม้ แล้วบอกว่า “ นั้น เห็นไหม นกเอี้ยง นู้นเห็นไหมนั้นตัวอะไร ”
ผู้ใหญ่ของแต่ละบ้านที่เลี้ยงเด็กเล็ก
ๆ คงเข้าใจกันดีกับความสุขที่ได้ชี้นู้นชี้นี้ให้เด็กน้อยมา
และมักจะได้รับเสียงหัวเราะจากเด็กน้อยเป็นการตอบรับ
ชื่อของบทกวีนี้ชื่อว่า
ชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่ที่ว่านี้คือ ชีวิตของลูกน้อยตัวเล็ก ๆ ที่เริ่มลืมตาดูโลก เริ่มเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว นำความน่าตื่นเต้น และลุ้นละทึกมาให้ผู้ใหญ่ตลอดเวลา ผู้ใหญ่ได้พยายามสอน
พยายามเอาใจช่วยให้เด็กมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย
ทั้งการสอนให้เรียกพ่อ เรียกแม่
สอนการตั้งไข่ ให้หัดเดินได้
ไม่ว่าเด็กจะทำอะไรก็ตามก็มักจะมีผู้ใหญ่คอยอยู่ข้าง ๆ ลุ้นเอาใจช่วยอยู่เสมอ
เมื่อเราทำได้ผู้ใหญ่ก็จะยิ้มดีใจที่เราสามารถทำมันสำเร็จแล้ว
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่เล็กน้อยของการพัฒนาตามวัย ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่มันก็ทำให้ผู้ใหญ่ดีใจ และคุยฟุ้งกับคนอื่นไปได้อีกหลายวัน บางท่านก็ยังพาเด็กไปโชว์ให้เพื่อนบ้านเห็นกับตาว่าลูกเรา
หลานเราโตขึ้นแล้ว
ฉันคิดว่าทุกอย่างก้าวของการมีชีวิตก็คือการที่เราได้เรียนรู้และเติมโตขึ้นทุกช่วงเวลา ชีวิตเรามักจะเริ่มต้นเสมอ เริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ
อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้จบ
ตั้งแต่เล็กจนโตเราก็ต่างต้องเรียนรู้ทุกอย่างไปจนกว่าจะถึงวันที่เราหมดลมหายใจไป แต่กว่าที่จะถึงวันที่เราหมดลมหายใจ ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนโตขึ้นมา ก็ทำให้เรารู้ว่า
พ่อและแม่ท่านยังรักเราเสมอ
และยังเป็นเหมือนเดิมเมื่อสมัยเด็ก ๆ
ที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามเมื่อเราประสบความสำเร็จท่านก็มักจะดีใจและยินดีกับเรามากเสียกว่าตัวเราเองเสียอีก ท่านก็ยังคอยลุ้นเอาใจช่วย
และส่งแรงเชียร์ให้เราทำให้สำเร็จ เมื่อเราล้มท่านจะให้เราลุกเองก่อน ถ้าเราลุยไม่ได้ท่านก็พร้อมที่จะช่วยฉุดมือของเรานั้นขึ้นมาเสมอ
เมื่อเรายืนได้ทานก็กลับไปแอบยืนมองเรา และลุ้นทุกอย่างไปกับเราเหมือนอย่างที่เคยทำ
ไม่ว่าเราจะเติบโตมากแค่ไหนก็ตาม เพราะลูกก็เปรียบเหมือนชีวิตใหม่ของพ่อแม่ที่สามารถทำให้พวกท่านมีความสุข
มีความทุกข์ มีชีวิตร่วมเหตุการณ์ใหม่ ๆ ไปกับพวกท่านทั้งสอง และลูกยังเติมเต็มให้คำว่าครอบครัวให้ออกมาสมบูรณ์