บทความนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำเกษตรที่มีความไม่พร้อมในการเพาะปลูก ทั้งที่สภาพแวดล้อมไม่เอื่ออำนวย แต่ก็ไม่ยอมรักษาให้ดีเสียก่อนที่จะทำไร่ทำนา
กฎของโลกไม่มีสิ่งใดสามารถชนะธรรมชาติได้ วันนี้เราคิดว่าชนะ แต่วันหน้าเราก็ต้องแพ้อยู่ดี เหตุที่แพ้ไม่ใช่เพราะเราไม่เก่งพอเอาชนะธรรมชาติ แต่ที่แพ้เป็นเพราะเราแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จึงทำให้เกิดปัญหาสะสมมาเรื่อย ๆ
เมื่อเกิดการสะสมมาก ๆ พอมาถึงจุดหนึ่งที่ไม่สามารถแบกรับอะไรได้แล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จะปะทุออกมาในคราวเดียว และเมื่อเกิดการปะทุออกมาอย่าล้มหลามมันก็เกินความสามารถที่เราจะฝืนต้านมันได้อีกต่อไป
ในการปลูกพืชผัก ทำสวน ทำไร่
ทำนาก็เช่นกัน
เราไม่อาจจะฝืนหน้าดินได้
ไม่อาจจะฝืนให้ดินที่แห้งคอดให้มีน้ำตลอดทั้งปีได้ หากเราไม่เริ่มพัฒนามันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในแบบที่มันควรจะได้รับการบำรุงมากที่สุด
ในบบกวีนี้ก็เช่นกัน เนื้อหาในบทกวี ได้เล่าถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเกี่ยวกับพืชผักของชาวเกษตรกร ผักที่เกิดการแย่งน้ำจากพื้นดินจนทำให้ฆ่ากันตายในแปลง
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากคนเร่งผลิตพืชผัก ทั้งที่ดินและน้ำยังไม่สามารถเพาะปลูกได้ แต่คนก็ยังฝืนที่จะปลูกต่อไป พืช ผักเมื่อมีน้ำไม่พียงพอต่อการใช้ จึงได้พากันฆ่ากันตายเพราะแย่งชิงน้ำและสุดท้ายพื้นที่แห่งนั้นก็กลายเป็นที่แห้งแร้ง และเหตุการณ์เช่นนี้ก็ได้เกิดขึ้นซ้ำอีกหลายครั้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในการทำเกษตรนั้น
เราอาจจะเคยเห็นสภาพดินที่มีปัญหาในการเพาะปลูกพืชผักได้ไม่ดีเท่าที่เราต้องการ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ได้แต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คือการทำเกษตรให้รอดไปได้ในแต่ละเดือน
เมื่อผลผลิตออกมาไม่ดีเราก็โทษว่าเพราะดินไม่ดี ต้องไปหาดินใหม่ที่ดีกว่านี้ หรือต้องใส่สารเคมีให้เยอะกว่านี้เพื่อให้ดินดีขึ้น
ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเราสามารถสร้างพื้นที่เพาะปลูกให้อุดมสมบูรณ์ได้โดยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม
ๆ เหมือนโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ทางแก้ของปัญหานี้ คือ การเราบำรุงดิน เราต้องดูแลดินในพื้นที่นั้นให้ดี ทั้งเรื่องน้ำเรื่องของธาตุอาหารในดิน เราไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการบำรุงดิน
หรือกำจัดแมลงโดยวิธีเร่งด่วนโดยการใช้สารเคมี เพราะการที่เราทำเช่นนั้น มันก็คือการแก้ที่ปลายเหตุ สุดท้ายเราก็เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น ทั้งทรัพย์ในดิน สินในน้ำ และยังเสียเงินเสียทองไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น
สิ่งควรทำมากที่สุดคือ เราต้องรู้จักการอดทนรอเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งสิ้น ดินก็เช่นกัน
หากเราหมั่นรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยจากซากพืช
ซากสัตว์ และให้ย่อยสลายไปโดยธรรมชาติ
เราก็จะได้ดินที่ดีเหมาะสมกับการเพาะปลูก
ซึ่งจะส่งผลระยะยาวในการทำเกษตร เมื่อน้ำดี ดินดี ทุกอย่างก็จะออกดอกออกผลดีตามไปด้วย และถ้าอยากให้ดินดีไม่มีตกเราต้องหมั่นตรวจเช็คดินว่า ดินถึงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกแล้วหรือยัง หากยังเราก็ต้องบำรุงสารอาหารให้ดินมากเพียงพอตามที่ดินต้องการ