วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562

ตีความ ชื่อบทกวี “เห็นไหมลูก” ในกวีนิพนธ์ “ครอบครัวดวงตะวัน” โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ



               
      บทความนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำเกษตรที่มีความไม่พร้อมในการเพาะปลูก  ทั้งที่สภาพแวดล้อมไม่เอื่ออำนวย  แต่ก็ไม่ยอมรักษาให้ดีเสียก่อนที่จะทำไร่ทำนา 
                
    กฎของโลกไม่มีสิ่งใดสามารถชนะธรรมชาติได้  วันนี้เราคิดว่าชนะ  แต่วันหน้าเราก็ต้องแพ้อยู่ดี เหตุที่แพ้ไม่ใช่เพราะเราไม่เก่งพอเอาชนะธรรมชาติ  แต่ที่แพ้เป็นเพราะเราแก้ปัญหาไม่ตรงจุด  จึงทำให้เกิดปัญหาสะสมมาเรื่อย ๆ 

    เมื่อเกิดการสะสมมาก ๆ พอมาถึงจุดหนึ่งที่ไม่สามารถแบกรับอะไรได้แล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จะปะทุออกมาในคราวเดียว  และเมื่อเกิดการปะทุออกมาอย่าล้มหลามมันก็เกินความสามารถที่เราจะฝืนต้านมันได้อีกต่อไป 

    ในการปลูกพืชผัก ทำสวน  ทำไร่  ทำนาก็เช่นกัน  เราไม่อาจจะฝืนหน้าดินได้  ไม่อาจจะฝืนให้ดินที่แห้งคอดให้มีน้ำตลอดทั้งปีได้   หากเราไม่เริ่มพัฒนามันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในแบบที่มันควรจะได้รับการบำรุงมากที่สุด 

    ในบบกวีนี้ก็เช่นกัน เนื้อหาในบทกวี ได้เล่าถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเกี่ยวกับพืชผักของชาวเกษตรกร  ผักที่เกิดการแย่งน้ำจากพื้นดินจนทำให้ฆ่ากันตายในแปลง   

    ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากคนเร่งผลิตพืชผัก  ทั้งที่ดินและน้ำยังไม่สามารถเพาะปลูกได้  แต่คนก็ยังฝืนที่จะปลูกต่อไป พืช ผักเมื่อมีน้ำไม่พียงพอต่อการใช้ จึงได้พากันฆ่ากันตายเพราะแย่งชิงน้ำและสุดท้ายพื้นที่แห่งนั้นก็กลายเป็นที่แห้งแร้ง และเหตุการณ์เช่นนี้ก็ได้เกิดขึ้นซ้ำอีกหลายครั้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
     
    ในการทำเกษตรนั้น  เราอาจจะเคยเห็นสภาพดินที่มีปัญหาในการเพาะปลูกพืชผักได้ไม่ดีเท่าที่เราต้องการ   ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ได้แต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คือการทำเกษตรให้รอดไปได้ในแต่ละเดือน  เมื่อผลผลิตออกมาไม่ดีเราก็โทษว่าเพราะดินไม่ดี  ต้องไปหาดินใหม่ที่ดีกว่านี้  หรือต้องใส่สารเคมีให้เยอะกว่านี้เพื่อให้ดินดีขึ้น
                
    ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเราสามารถสร้างพื้นที่เพาะปลูกให้อุดมสมบูรณ์ได้โดยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม ๆ เหมือนโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในเรื่อง
                
    ทางแก้ของปัญหานี้ คือ การเราบำรุงดิน  เราต้องดูแลดินในพื้นที่นั้นให้ดี  ทั้งเรื่องน้ำเรื่องของธาตุอาหารในดิน  เราไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการบำรุงดิน หรือกำจัดแมลงโดยวิธีเร่งด่วนโดยการใช้สารเคมี   เพราะการที่เราทำเช่นนั้น มันก็คือการแก้ที่ปลายเหตุ  สุดท้ายเราก็เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น ทั้งทรัพย์ในดิน สินในน้ำ และยังเสียเงินเสียทองไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

    สิ่งควรทำมากที่สุดคือ เราต้องรู้จักการอดทนรอเวลา  ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งสิ้น  ดินก็เช่นกัน  หากเราหมั่นรดน้ำพรวนดิน  ใส่ปุ๋ยจากซากพืช ซากสัตว์ และให้ย่อยสลายไปโดยธรรมชาติ  เราก็จะได้ดินที่ดีเหมาะสมกับการเพาะปลูก  

    ซึ่งจะส่งผลระยะยาวในการทำเกษตร เมื่อน้ำดี ดินดี ทุกอย่างก็จะออกดอกออกผลดีตามไปด้วย   และถ้าอยากให้ดินดีไม่มีตกเราต้องหมั่นตรวจเช็คดินว่า  ดินถึงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกแล้วหรือยัง หากยังเราก็ต้องบำรุงสารอาหารให้ดินมากเพียงพอตามที่ดินต้องการ