วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ตีความระหว่างบรรทัด

ตีความระหว่างบรรทัด
          ในแต่ละบรรทัดกวีพยายามบอกถึงความรู้สึกของตัวเองที่ทำให้เรารู้สึกร่วมไปในแต่ละบรรทัด   มันคือการชักชวนให้เราเข้าไปเดินทางระหว่างบรรทัดเห็นได้จาก มาเรามาเดินทาง   ระหว่างบรรทัด การเดินทางระหว่างบรรทัดนั้นจะมีช่องว่าที่ทำให้เรามองไม่เห็นว่าช่องว่างนั้นคืออะไร   แต่เราสามารถสัมผัสได้จากความรู้สึกที่เราอ่านดูได้จาก เรามองเห็นจังหวะระบำอันลำเลียง   โล้เรือเราโอนเอนได้เพียงนั้น  ต่อมาจะทำให้เห็นว่าเรามีการจินตนาการไปไกลจากสิ่งที่เห็นดูจาก เขียนเพียงนกเกาะนิ่งกับกิ่งไม้   เราจะติดปีกไว้เพื่อได้ฝัน   ว่าป่าเหนือ   น้ำใต้   กี่ไกลกัน”  นกเพียงแค่ยืนนิ่งๆ ที่กิ่งไม้แต่เราก็จินตนาการไปว่าเรามันออกเดินทางไปไกลแสนไกลโดยที่จริงแล้วมันยังไม่ได้ไปไหนเลย   ต่อมากวีเขียนถึงฝนที่ตกในวันที่ร้อน   ทำให้ได้ยินเสียงที่น้ำหล่นลงมากระทบกับก้อนหินและทำให้เห็นว่าฝนนั้นตกลงมากระทบกับพื้นดิน   ทำให้ได้ยินเสียงหญ้าที่เป็นริ้วๆ   ต่อมากวีเขียนถึงสายลมสิ่งแรกที่กวีนึกถึงคือหญ้าที่พัดปลิวเป็นคลื่น   ทำให้เห็นหญ้าที่พลิ้วไหวไปตามสายลม   ต่อมาก็เขียนถึงว่าวที่ลอยอยู่บนฟ้าเมื่อลมแรงๆทำให้รู้สึกเหมือนว่าวจะลอยออกไปไกลทำให้กวีเกิดรู้สึกใจหวิวขึ้นมา   ต่อมาเขียนถึงดอกไม้ทำให้เกิดกลิ่นดอกไม้ที่หอมจากความรู้สึกในใจที่เรามีต่อดอกไม้   ในแต่ละบรรทัดที่เราเดินทางนั้นจะมีความรู้สึกแตกต่างกันออกไป

         จะเห็นได้ว่าเมื่อเราอ่านจบแล้ว   แต่ละบรรทัดที่ต้องการจะสื่อกับเรานั้นล้วนแต่เป็นเพียงแค่ตัวอักษร   แต่ในตัวอักษรนั้นเมื่อเราอ่านไปจะทำให้เรารู้สึกได้ว่า   แต่ละบรรทัดเรารู้สึกแตกต่างกันออกไป   ถึงแม้เราจะไม่ต้องเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตา   แต่เราสามารถสัมผัสมันได้ด้วยใจและความรู้สึกของเราที่ได้อ่านในแต่ละบรรทัด   ช่องว่างระหว่างบรรทัดที่เรามองไม่เห็นนั้นก็คือความรู้สึกของเราที่ได้อ่านในแต่ละบรรทัด