วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

วิเคราะห์แก่นเรื่อง ผู้ดี ผู้แต่ง ดอกไม้สด (หม่อมหลวง บุบผา (กุญชร) นิมมานเหมินท์)

วิเคราะห์แก่นเรื่อง   ผู้ดี   ผู้แต่ง ดอกไม้สด (หม่อมหลวง   บุบผา   (กุญชร)   นิมมานเหมินท์)
          เรื่องผู้ดีชี้ให้เห็นว่าการที่เราโดนเลี้ยงดูตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ   จากผู้ใหญ่ที่ดี ผู้ที่คอยเตือนคอยชี้แนะให้เรารู้ว่าอะไรถูกและอะไรผิด   จะทำให้เด็กนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมได้   เช่น   คำสอนของคุณแสที่เคยสั่งสอนวิมลมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ  และยังมีตอนที่คุณแสสอนให้วิมลเป็นผู้ใหญ่ดีและที่มีความน่านับถือ  เหมือนอย่างที่พ่อของวิมลและไว้ใจให้วิมลเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลคนทั้งบ้านนี้  คุณแสได้เคยเขียนจดหมายมาสอนวิมลไว้สามข้อ (หน้า 18-22)
ข้อหนึ่ง   คติสำหรับตัวใช้ได้ทั่ว ๆ ไป   ไม่ว่าจะทำอะไร   ไม่ว่าจะทำอะไร   อย่าทำด้วยความหลง   ไม่ว่าจะพูด   จะทำ   จะคิด   ให้ตรองเสียก่อนว่านี่เราพูดเพราะอะไร   เพราะรักหรือเพราเกลียด   หรือโกรธหรืออิจฉาหรืออยากได้   หรืออวดดี   เวลาจะทำก็ตรองเสียก่อนอย่างนี้   เวลาจะคิดก็เหมือนกัน   ถ้าได้ตรองเสียก่อนอย่างนี้   เรียกว่าทำด้วยสติ   อย่างนี้ไม่เรียกว่าทำด้วยความหลง   เวลาเช่นนั้นก็ไม่ค่อยพลาดให้ผู้รู้ติเตียนได้
ข้องสอง  คติสำหรับแม่บ้าน   เป็นผู้ใหญ่   ต้องทำตัวให้เป็นหลัก   ให้สมกับคำที่เขาเรียกว่าผู้หลักผู้ใหญ่   ผู้ใหญ่ไม่เป็นหลักก็คือพวกผู้ใหญ่ที่เหลาะแหละ  พูดไม่เหมือนที่ทำ   ทำไม่เหมือนที่พูด   จะพูดก็พูดด้วยความหลงไม่รู้ตัวว่าอะไรชักให้พูด   จะทำก็ทำด้วยไม่รู้ว่าอะไรชักให้ทำ   โกรธขึ้นมาว่าอย่างนี้   ชอบใจขึ้นมาไปอีกอย่างหนึ่ง   ปากโป้งพูดพล่อย   จนคำพูดไม่มีราคา
ผู้ใหญ่ที่เป็นหลักแปลว่า   ผู้ที่ใคร ๆ ในบ้านเกรงกลัว   ต้องเป็นคนเด็ดขาดเท่ากับยุติธรรม   คือว่าต้องเป็นคนมีระเบียบ   วางกฎเกณฑ์ไว้ให้ผู้น้อยประพฤติอย่างไรตัวเองอยู่ในกฎนั้นด้วย   เมื่อผู้น้อยทำผิดกฎต้องว่ากล่าวให้เห็นจริง   ครั้นทำให้คนเกรงอย่างนี้แล้ว   ต้องทำให้รักอีก   เรื่องแม่บ้านนี้มีหลักสำคัญอยู่อย่างหนึ่งคล้าย ๆ กับหลักของครู   ครูใจดีอย่างไรก็ตาม   ถ้าไม่รู้จักจะทำให้นักเรียนกลัวหรือเกรงแล้วก็   อย่าหวังเลยว่านักเรียนจะรักจริง   แม่บ้านก็อย่างนั้น   ต่อให้ใจดีเป็นแก้ว  ถ้าไม่มีอำนาจให้คนใช้กลัว   ก็อย่าหวังว่าคนใช้จะรัก   ถึงจะรักก็รักแต่ต่อหน้า   ลับหลังก็นินทาส่ง   แต่ถ้าจะทำให้ไปถ่ายเดียว   ไม่ผูกใจให้มีน้ำรักเสียบ้าง   ก็จะต้องเปลี่ยนคนใช้ทุกสามวัน   จึงจำเป็นที่จะต้องให้ทั้งรักทั้งกลัว   แปลว่าเมื่อผิดก็ลงโทษตามผิดไม่ลำเอียง   มีความชอบพิเศษก็บำเหน็จรางวัล   โดยปกติพูดจาอ่อนหวานด้วยเสมอ   ถึงเวลาเจ็บรักษาพยาบาลอย่าได้ทอดทิ้ง



ที่แม่สอนมานี้   แม่หนูอย่าคิดว่าทำได้ง่าย ๆ แต่ก็อย่าไปคิดว่ามันยากเสียจนทำไม่ไหว   เพราะว่ามันจะยากหรือจะง่ายอย่างไรหนูก็ต้องพยายามทำให้ได้   แม่หนูจำได้ไหม   เมื่อคุณพ่อจะส่งเข้าอยู่เป็นนักเรียนกินนอน   ท่านพูดกับแม่ว่ากระไร   แม่เชื่อว่าหนูคงจะจำได้เป็นแน่   เพราะแม่ได้ย้ำให้หนูฟังหลายครั้งหลายหนเต็มที   เมื่อหนูออกจากโรงเรียนใหม่ ๆ มาอยู่กีบแม่ที่นี่   แม่สังเกตเห็นความตั้งใจของคุณพ่อน่ะสำเร็จเรียบร้อยดี   หนูเป็นลูกหญิงที่น่ารักน่าเอ็นดูพร้อมทุกอย่าง   ตั้งแต่กริยาท่าทางพูดจาตลอดจนนิสัยใจคอ   แม่นึกยอมกราบคุณพ่อของหนูตั้งแต่วันนั้น   แต่เวลานี้ยังจะต้องทำตัวให้ยิ่งไปกว่าลูกสาวที่น่ารักน่าเอ็นดู  ของคุณพ่อหนูจะเป็น คุณอยู่ในบ้านที่คนในปกครองทั้งรักทั้งกลัวจะต้องให้ชื่อเสียงของหนูหอมฟุ้งไปไกล ๆ เป็นสิริมงคลแก่ตัวของหนูเอง   เป็นเกียรติยศ   เป็นความชื่นใจของหนูเองด้วย   แปลว่าแต่ก่อนหนูเป็นคนดีอย่างเด็ก ๆ พอถูกใจพ่อแม่ก็พอแล้ว   แต่เดี๋ยวนี้หนูต้องเป็นคนดีอย่างผู้ใหญ่ต้องรู้ว่าคนดีในโลกนี้เขาเป็นอย่างไร   แล้วก็ประพฤติตัวให้เป็นอย่างนั้น
คนที่อยู่ในบ้านแม่หนูทุกวันนี้ไม่ใช่ว่ามีแต่บ่าว   แม่เลี้ยงล่ะ   ลูกของแม่เลี้ยงตั้งสองท้อง   แม่หนูต้องระวังตัวหน่อย   อย่าซื่อให้เขายอกย้อนเอาลับหลังแต่ก็อย่าระแวงให้ออกนอกหน้าจะทำให้เขาหมางใจ   อย่ากลัวเขาในทางที่ผิดแต่อย่าลบหลู่ให้เขาอายคน   เขาพูดอะไรจงฟังหูไว้หู   เขายุแหย่อย่าได้เชื่อฟังเลย   ถ้าเขาเตือนอย่าโกรธ   จงไตร่ตรองคนช่างประจบยกยอต่อหน้า   หนูอย่าได้ไว้ใจเป็นอันขาดอย่าเชื่อคนในปกครองเพราะคำที่เขาพูดต่อหน้าหนู   จงเชื่อแต่ใน   กิริยา   วาจา   ความประพฤติของเขาที่หนูเห็นเอง   ใครเขาฟ้องเรื่องอะไรอย่าวู่วามเอ็ดตะโรปึงปัง   เรื่องหูเบาเอะอะนี่เป็นข้อที่ให้คนหัวเราะเยาะได้มากที่สุด   แม่หนูของแม่อย่าได้ประพฤติเป็นอันขาด   คนมันจะเอาไปนินทาลับหลังแม่หนูของแม่จะเสียศรี
แม่ขอเตือนเป็นข้อสุดท้ายที่สุด   ขอให้แม่หนูจำไว้ให้มั่น   คนที่จะบังคับคนอื่นได้ดี   ต้องหัดบังคับตัวของตัวเองให้ดีเสียก่อน
และยังมีคำที่วิมลสอนมาณพให้รู้จักไม่อายเรื่องฐานะของตนเอง   ให้รู้จักภูมิใจในสิ่งที่ตนเองทำ  ถึงแม้ใครจะด่าหรือนินทายังไงเราก็ไม่ควรที่จะเอามาใส่ใจ  ถ้าเกิดสิ่งที่เราทำนั้นเราคิดว่ามันดีเราก็ไม่ต้องสนใจคนรอบข้างที่คอยจะดูถูกเรา  เพราะไม่มีอะไรจะทำร้ายเราได้เท่ากับเราดูถูกตัวเองและดูถูกคนในครอบครัว(หน้า204)
ถ้ารักพี่   รักคุณพ่อ   ขออย่าได้พูดคำนี้อีกเลย   ไม่มีอะไรหลอกที่จะขายหน้ายิ่งไปกว่าอายในเรื่องที่ไม่ควรอาย   ใครเขารู้ไปเขาจะว่ายังไง ? ! ชั่งเขาปะไร   เราบอกเขาล่วงหน้าก็ได้   พ่อเราตายรายได้เรามีน้อย   เราจนลง   แต่เรามีเงินส่งให้พี่ชายของเราได้เรียนวิชาที่หรูที่สุด   มีใครมั่งที่จะกล้าแข่งดีกับเราในเรื่องนี้   อีกประการหนึ่งความจนไม่เป็นสิ่งที่เราควรจะต้องอาย   เว้นเสียแต่เราจะจนเพราะล้างผลาญสมบัติของพ่อแม่เสียหมด   นี้เราจนเพราะเหตุพิเศษอย่างหนึ่งต่างหาก   เราควรจะภูมิใจถึงจะถูก

และยังทำให้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะสมัยไหนก็ต่างชอบใส่หน้ากากเข้าหากัน   เมื่อเวลามีเงินมากมายคนก็ต่างจะอยากรู้จัก  อยากทำดีด้วย   พูดจาเอาอกเอาใจเรา   แต่เมื่อเราจนขึ้นมาคนก็ต่างที่จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ   จากที่เคยทำดีและพูดคุยกันอย่างสนิทสนมก็ต่างเปลี่ยนไปกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน   เหมือนกับพ่อของวิมลเมื่อตายไปแล้วก็ทำให้ฐานะที่บ้านแย่ลงและมีแต่หนี้สิน   วิมลจัดงานศพตามฐานะความเป็นอยู่ที่ตนเองสามารถที่จะทำได้   ไม่ได้เลิศหรูในแบบแต่ก่อนที่มีเงินทองมากมาย   วันทำพิธีฝังศพมีคนที่เป็นญาติสนิทมาร่วมงานแค่คนเดียวก็คืออุดมที่เป็นคนรักของวิมล   ส่วนคนอื่นที่เคยสนิทตอนที่พ่อของวิมลยังไม่เสีย เช่น  ครอบครัวของพระบริหาร  ก็ไม่มาร่วมในงานนี้
วิมลยังสอนให้รู้ว่าถึงว่าฐานะของตัวเองจะต่ำลง   แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าของตัวเองต้องตกต่ำตามฐานะลงไปด้วย   ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวตกต่ำไปขอให้ใครช่วย   แต่ต้องรู้จักคิดและหาทางออกด้วยความพยายามของตัวเอง (หน้า 235)
วิมลพูดกับสุดใจที่พูดจาดูหมิ่นว่า   เธอเองรับแล้วนะ   ว่าฉันเดี๋ยวนี้เป็นคนจน   เราพูดกันได้เต็มปากละ   แล้วช่วยจำไปบอกคนที่เขาคิดเหมือนอย่างเธอด้วย   ว่าไอความจนนี่มันมีสองชนิด   จนอย่างสิ้นคิด   กับจนอย่างผู้ดี   ชนิดที่จนอย่างสิ้นคิดน่ะ   จนทั้งเงินจนทั้งความคิด   คือจนแล้วไม่คิดที่จะต่อสู้ความจนในทางที่ถูกที่ควร   มัวแต่คอยอิจฉาคนอื่นแล้วก็ตีโพยตีพายว่าตัวจน   จนอย่างผู้ดีน่ะจนแต่เงิน   เรื่องความคิดไม่จนเป็นอันขาด   ถึงยังไง ๆ ไม่งอมืองอตีนให้คนเหยียบหัว   แล้วก็ไม่เที่ยวงอนง้อขอพึ่งอะไรของใครด้วย

ตอนจบของเรื่องนี้ทำให้เห็นว่ายังมีคนที่เขาพร้อมจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาของเราโดยที่เราไม่ต้องร้องขอให้เขามาช่วย   เขาเต็มใจที่จะช่วยเราไม่ว่าปัญหาจะยากแค่ไหนเขาก็เต็มใจที่จะช่วยโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนและไม่ต้องการให้เรารับรู้ว่าเขาเป็นคนคอยช่วยเราอยู่เสมอ  เหมือนที่พระยาพลวัตฯ   คอยช่วยวิมลในทุก ๆ เรื่องที่สามารถจะทำได้โดยไม่จำเป็นต้องบอกให้วิมลรู้   และไม่ต้องการอะไรตอบแทน