วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ตีความ ชื่อบทกวี “เรือล่ม” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์ “มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย ชมจันทร์



ชื่อบทกวี “เรือล่ม” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์ มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย ชมจันทร์

ตีความ

                บทกลอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกของคนในเรื่องความรักกับลมของทะเล   ฉันคิดว่าลมของทะเลนั้นไม่เคยมีอะไรแน่นอน ทั้งไม่เคยหยุดนิ่งและก็ไม่เคยที่จะรุ่นแรงจนไม่อาจจะเบาลงได้เลย   มันเป็นสิ่งที่พัดผ่านผื่นน้ำได้เร็วมากจนเราไม่อาจจะคิดหรือคาดหวังอะไรกับทะเลได้เลย

                ความรู้สึกของคนก็เช่นกันที่เปลี่ยนผ่านไปตามอารมณ์ที่แปรปรวนไม่ต่างจากลมของทะเล  เมื่อเช้าอาจจะอารมณ์ดีมาก พอผ่านไปไม่ถึง5นาทีอาจจะอารมณ์เสียขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ก็ได้   และสิ่งที่เรารู้ดีที่สุดก็คือเราไม่สามารถคาดหวังอะไรกับความรักได้เลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

                ความรักก็เหมือนกับสายลมที่บางทีก็ทำให้เรารู้สึกดีและบางทีก็ทำให้เรารู้สึกเศร้าเมื่อเสียบางอย่างไป ก็เหมือนเราอยู่ในทะเล เมื่อเรามั่นใจกับคลื่นลม เราเลือกที่จะลงเรือออกไปในผืนน้ำ แต่ว่าเมื่อมาได้สักพักหนึ่งเรากลับเจอพายุลูกเล็ก ๆ พัดมา เรือของเราก็ยังสามารถไปต่อได้  บางทีอาจจะรู้สึกสนุกเพราะมันเป็นสิ่งท้าทาย  แต่เมื่อพายุรุ่นแรงมากขึ้นจนถึงขั้นที่เรือของเราได้แตกหักพังลงไปไม่เหลือชิ้นดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขหรือสนุกได้อีกต่อไป  เราไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากปล่อยมันไป  ปล่อยตัวไปตามสายน้ำที่พัดร่างของเราซึ่งไม่มีทางรู้ว่าหลังจากนี้เราจะเจอกับอะไร  แต่เราก็คงต้องอยู่กับมันให้ได้  ถึงแม้ว่าเราจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม 

ความรัก ความรู้สึกของคนก็เช่นกันที่ไม่สามารถจะคาดเดาอะไรได้เลย  สิ่งที่ทำร้ายทุกอย่างให้พังลงไปมันก็คือความรู้สึกของตัวเราเองมิใช่หรือ  มันมีหลายวิธีที่จำทำให้เรือเราไม่แตกเมื่อเจอกับพายุ  แต่เรากลับเอาเรือแล่นไปสู้กับพายุลูกใหญ่ก็เพราะอารมณ์ของเราเอง  แทนที่เราจะค่อย ๆ ประคองเรือในพายุอย่างระมัดระวังและมีสติ เพื่อให้เรือของเราไปต่อได้ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างมากในการที่จะอยู่ร่วมกับพายุ ณ ตอนนั้นได้  แต่ถ้าเรายังอยากจะไปต่อกับเรือลำเดิม เราก็ควรให้เวลากับพายุที่ก่อตัวขึ้นในค่อย ๆ สงบลง  เราก็สามารถไปต่อและรักษาเรือลำเดิมไว้ได้ ถึงจะไม่ได้เป็นเรือที่สวยแบบเดิม แต่มันก็อยู่ที่เราว่าซ่อมมันให้กลับมาดูดีกว่าเดิมหรือจะปล่อยให้มีรอยร้าวมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย