ชื่อบทกวี “เรือล่ม” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์
“มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย
ชมจันทร์
ตีความ
บทกลอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกของคนในเรื่องความรักกับลมของทะเล ฉันคิดว่าลมของทะเลนั้นไม่เคยมีอะไรแน่นอน ทั้งไม่เคยหยุดนิ่งและก็ไม่เคยที่จะรุ่นแรงจนไม่อาจจะเบาลงได้เลย มันเป็นสิ่งที่พัดผ่านผื่นน้ำได้เร็วมากจนเราไม่อาจจะคิดหรือคาดหวังอะไรกับทะเลได้เลย
ความรู้สึกของคนก็เช่นกันที่เปลี่ยนผ่านไปตามอารมณ์ที่แปรปรวนไม่ต่างจากลมของทะเล เมื่อเช้าอาจจะอารมณ์ดีมาก
พอผ่านไปไม่ถึง5นาทีอาจจะอารมณ์เสียขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ก็ได้
และสิ่งที่เรารู้ดีที่สุดก็คือเราไม่สามารถคาดหวังอะไรกับความรักได้เลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
ความรักก็เหมือนกับสายลมที่บางทีก็ทำให้เรารู้สึกดีและบางทีก็ทำให้เรารู้สึกเศร้าเมื่อเสียบางอย่างไป
ก็เหมือนเราอยู่ในทะเล เมื่อเรามั่นใจกับคลื่นลม เราเลือกที่จะลงเรือออกไปในผืนน้ำ
แต่ว่าเมื่อมาได้สักพักหนึ่งเรากลับเจอพายุลูกเล็ก ๆ พัดมา เรือของเราก็ยังสามารถไปต่อได้ บางทีอาจจะรู้สึกสนุกเพราะมันเป็นสิ่งท้าทาย แต่เมื่อพายุรุ่นแรงมากขึ้นจนถึงขั้นที่เรือของเราได้แตกหักพังลงไปไม่เหลือชิ้นดี
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขหรือสนุกได้อีกต่อไป
เราไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากปล่อยมันไป
ปล่อยตัวไปตามสายน้ำที่พัดร่างของเราซึ่งไม่มีทางรู้ว่าหลังจากนี้เราจะเจอกับอะไร แต่เราก็คงต้องอยู่กับมันให้ได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม
ความรัก ความรู้สึกของคนก็เช่นกันที่ไม่สามารถจะคาดเดาอะไรได้เลย
สิ่งที่ทำร้ายทุกอย่างให้พังลงไปมันก็คือความรู้สึกของตัวเราเองมิใช่หรือ
มันมีหลายวิธีที่จำทำให้เรือเราไม่แตกเมื่อเจอกับพายุ แต่เรากลับเอาเรือแล่นไปสู้กับพายุลูกใหญ่ก็เพราะอารมณ์ของเราเอง แทนที่เราจะค่อย ๆ ประคองเรือในพายุอย่างระมัดระวังและมีสติ
เพื่อให้เรือของเราไปต่อได้ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างมากในการที่จะอยู่ร่วมกับพายุ
ณ ตอนนั้นได้
แต่ถ้าเรายังอยากจะไปต่อกับเรือลำเดิม
เราก็ควรให้เวลากับพายุที่ก่อตัวขึ้นในค่อย ๆ สงบลง เราก็สามารถไปต่อและรักษาเรือลำเดิมไว้ได้ ถึงจะไม่ได้เป็นเรือที่สวยแบบเดิม
แต่มันก็อยู่ที่เราว่าซ่อมมันให้กลับมาดูดีกว่าเดิมหรือจะปล่อยให้มีรอยร้าวมากขึ้น
ๆ เรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย