วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ตีความ ชื่อบทกวี “มาลัยคนทุกข์” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์ “มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย ชมจันทร์



ชื่อบทกวี “มาลัยคนทุกข์” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์ มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย ชมจันทร์

ตีความ

                บทนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่ภาคใต้   เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น   คนภาคใต้ที่ประสบภัยต่างต้องรีบหนีออกมาจากที่อยู่อาศัยเพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยครั้งนี้  ต้องทิ้งบ้าน ทิ้งที่ทำมาหากิน   ทั้ง ๆ ที่กว่าจะสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง  ทำงานอย่างหนักเพื่อให้มีที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากิน  แต่กลับโดนน้ำทำลายลงภายในพริบตา 

                ฉันเห็นด้วยกับผู้แต่งที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นกรรม   ความหมายของกรรมนั้นแปลว่า  การกระทำ  ซึ่งกรรมในครั้งนี้ก็เพราะการกระทำของคนที่ตัดไม้ทำลายป่า  เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงินจนไม่สนใจว่าจะมีใครเดือดร้อนจากการหระทำของตนหรือไม่   และที่ทำให้การกระทำเหล่านี้ยังเป็นไปได้เรื่อย ๆ ก็เพราะว่าความโลภ  ถ้าเกิดคนที่ทำการตัดไม่ในครั้งนี้เป็นชาวบ้านทั่วไปก็คงจะเป็นเรื่องที่ปราบปรามได้ง่าย  แต่ถ้าคนที่ทำไม่ใช่ชาวบ้านล่ะ  แล้วเราจะเอาอะไรไปห้ามกับอำนาจของคนเหล่านั้นได้     ผลสุดท้ายทุกอย่างที่ผู้กระทำได้ก็ส่งผลต่อผู้อื่น  ซึ่งคนเหล่านี้ก็คือผู้รับกรรม   ผู้รับกรรมไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรได้เลย  เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น    ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อ แต่กลับต้องได้รับภัยพิบัติจากคนที่เห็นแก่ตัว   

                ฉันคิดว่าธรรมชาติทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกนี้  ไม่ได้มีเพื่อทำร้ายสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในโลกนี้  แต่กฎของธรรมชาติคือเพื่อปรับสมดุลให้เข้ากับโลกมากกว่า   มันจึงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาเสมอ   แต่เมื่อสิ่งที่มนุษย์ทำกับธรรมชาตินั้นมันทำให้เกิดความสมดุลที่ผิดปกติขึ้นมา   จากเมื่อก่อนที่มีต้นไม้ดูดซับน้ำเวลาฝนตก  จากที่ไอน้ำจากแหล่งน้ำลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าจนเกิดเป็นฝน   ทุกสิ่งเหล่านี้มันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดจากสิ่งที่มันเคยเป็น  เพราะว่ามนุษย์ได้เริ่มเบียดเบียนธรรมชาติมากขึ้น  เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นมา ทุกอย่างที่เคยเป็นปกติของธรรมชาติก็ได้เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นภัยพิบัติแทน   หรือบางทีมันสิ่งเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นอย่างปกติ เพียงแต่ว่าเราไม่มีที่ดูดซับมันได้ดีเหมือนเมื่อก่อน  จึ่งส่งผลให้เกิดเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงโดยที่ไม่สามารถกลับมาเป็นธรรมชาติที่เรารู้จักแบบเดิมได้

                ถ้าเกิดว่ามนุษย์เราเปลี่ยนความคิดที่จะเอาเปรียบธรรมชาติ การเป็นการพึงพาอาศัยกัน  ฉันคิดว่าภัยที่ร้ายแรงจนถึงขั้นสูญเสียชีวิตนั้นก็คงเกิดขึ้นได้น้อยมาก  เพราะธรรมชาติมันมีวิธีปรับตัวของมันเอง  เช่น ถ้าเวลาเกิดไฟป่าแบบธรรมชาติ ก็จะเกิดฝนตกเพื่อดับไฟป่า  ต่อให้ป่าโดนเผามากแค่ไหน ต้นไม้เหล่านั้นก็ยังสามารถที่เกิดขึ้นมาใหม่ได้ หมุนเวียนกันไปตามสิ่งที่มันเคยเป็น  ไม่ได้เผาล้างผลาญเหมือนที่คนจุดไฟเผาป่าแล้วเกิดไฟลามป่าจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นแบบทุกวันนี้