ชื่อบทกวี “ในหลวงของฉัน” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์
“มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย
ชมจันทร์
ตีความ
บทกลอนนี้ผู้แต่งได้แต่งมาจากความรู้สึกของตัวเอง
ที่ได้รู้สึกประทับใจและซาบซึ้งในมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9
บทกลอนนี้ได้เริ่มต้นเล่าเรื่องจากในอดีตเมื่อ 30
ปีก่อนที่ได้ไปรอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีผู้คนไปรอรับเสด็จ
ประชาชนก็พร้อมใจกันมารอรับเสด็จ ทั้ง ๆ ที่การที่รอรับเสด็จในสมัยนั้นมีความลำบากอยู่มากกับประชาชน
แต่ประชาชนก็พร้อมใจกันมายืนรอรับเสด็จต่างยินดีที่จะลำบากเพียงเพื่อได้มารอรับเสด็จพระองค์
บางคนไม่มีรองเท้าก็ต้องไปยืนอยู่ข้างหลังคนที่มีรองเท้า แต่ทุกคนก็อยากเป็นส่วนร่วมในการมารอรับเสด็จพระองค์ เพียงแค่พระองค์นั้นแย้มสรวลให้ประชาชนก็ต่างตื่นตันใจแล้ว
เมื่อผ่านไป15 ปี ผู้แต่งก็ได้รับปริญญากับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
9 พระองค์ก็ทรงแย้มสรวลอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่านักศึกษาจะเยอะมากแค่ไหนก็ตาม
ท่านไม่เคยหยุดแย้มให้กับประชาชนของท่านเลย
และท่านได้พระราชทานโอวาทไว้ว่า ให้เห็นงานส่วนรวมเป็นงานใหญ่ ซึ่งก็ทำให้ผู้แต่งนั้นได้จดจำคำนี้ไว้เป็นที่เตือนใจของตนไปตลอดชีวิต
แต่เมื่อเวลาผ่านไปในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็มีพระชันษาครบ
5 รอบ ซึ่งท่านสูงเกินกว่าที่ท่านจะมอบสิ่งต่าง
ๆ ให้กับใครได้เหมือนดั่งเมื่อก่อน
แต่ว่าท่านก็ยังทรงแย้มสรวลให้กับประชาชนของท่านมาตลอด ทั้งหมดที่ท่านเคยสอนสั่งมาทำให้ผู้แต่งนั้นจดจำสิ่งต่าง
ๆ เหล่านั้นไว้เป็นเครื่องเตือนใจที่จะไม่ทำตนไปในทางที่ไม่ดี จะช่วยเหลือผู้คน และจะมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแพร่
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้แต่งนั้นซาบซึ้งและจะขอเป็นทาสรองบาทของพระองค์ไปทุกชาติ
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือความภูมิใจของเหล่าคนไทย ที่ได้เกิดมาในประเทศนี้