ชื่อบทกวี “น้ำตาคลอ” ในกาพย์กลอนแห่งอารมณ์
“มิเหมือนแม้นอันใดเลย” โดย
ชมจันทร์
ตีความ
ในบทนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนึกถึงอดีตในวันวานที่มีความสุข
แต่แล้วเมื่อมาถึงปัจจุบันนั้นมีแต่ความทุกข์ที่เกิดจากความท้อแท้ของตัวเอง ฉันคิดว่าถ้าเปรียบความรู้สึกของผู้แต่งกับข้าวในนานั้น
เมื่อก่อนเคยวาดฝันไว้ได้สวยสดงดงามเหมือนข้าวในนา
แต่ว่าตอนนี้ชีวิตของผู้แต่งได้มาเผชิญกับความท้อแท้ จึงทำให้ข้าวนั้นไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน
แต่ว่าฉันกับคิดกลับกัน ข้าวในนาไม่ได้สวยงามตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กว่าที่เราจะได้ข้าวที่สวยงามได้ ต้นข้าวก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายเหมือนกัน ทั้งแมลง ทั้งสภาพอากาศ แต่ละสิ่งเป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ทั้งนั้น เราไม่สามารถห้ามสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เราบังคับตัวเราเองได้ เมื่อเราสามารถอดทนกับมันไปได้ เราก็จะได้เป็นต้นข้าวที่สวยงามและสมบูรณ์ ถึงแม้จะไม่สวยที่สุด
แต่ก็เป็นต้นข้าวที่สวยที่สุดสำหรับตัวเราเอง
เมื่อเราพบกับปัญหาต่าง
ๆ เข้ามาในชีวิต มันมีแค่สองทางให้เลือก ระหว่างยอมแพ้กับไปต่อ ถ้าเลือกยอม ก็เท่ากับเราเลือกที่จะหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น และมันก็จะเป็นแบบนี้เสมอเมื่อเราเจอปัญหาใหม่
ๆ ที่เข้ามาทักทาย แต่ถ้าเราเลือกที่จะสู้เราก็จะได้เติบโตในแบบของเรา ยิ่งเรากร้านโลกมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นตัวการรันตีในความมุ่งมั่นอดทนของตัวเราเอง ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่มีบาดแผล เพียงแต่เราจะรักษาให้มันเป็นแผลเป็นเพื่อเตือนความจำว่าเราผ่านมันมาแล้ว หรือจะปล่อยให้มันเป็นแผลสดโดยไม่มีวันหาย