วิเคราะห์เรื่อง
ทำลาย เธอกล่าว ของ รวมนักเขียนหญิง
ทฤษฎีสตรีนิยมเป็นทฤษฎีของผู้หญิงที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับทฤษฎีของฟรอยด์
เพราะฟรอยด์เสนอว่าโลกนี้เป็นโลกของผู้ชาย
ผู้หญิงจึงได้ออกมาต่อต้านเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองขึ้นมา เพราะว่าโลกนี้ไม่ได้มีความเป็นชายและความเป็นหญิง
ความเป็นหญิงนั้นมันถูกทำให้กลายเป็นหญิงต่างหาก
สังคมเป็นตัวสร้างกรอบความเป็นหญิงขึ้นมา
เพื่อใช้ในการควบคุมพวกเธอเป็นการใช้อำนาจในทางที่มิชอบ
เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเธอ
ผู้หญิงโดนกดขี่ด้วยอำนาจของความเป็นชาย
สังคมปลูกฟังให้เห็นว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ
เป็นเพศที่พิการเพราะว่าไม่มีองคชาติ
แต่ในความเป็นจริงมันอาจจะไม่สามารถนำสองสิ่งนี้มาเปรียบเทียบกันได้
เพราะว่ามันมีการทำงานที่ต่างกัน แต่ว่าสังคมถูกทำให้เชื่อว่าผู้หญิงอ่อนแอ
ดูแลตนเองไม่ได้ ต้องมีผู้ชายคอยปกป้องอยู่เสมอ ผู้ชายคือเจ้าของผู้หญิง
ลูกก็คือลูกของผู้ชายเพราะเกิดจากสเปิร์มของผู้ชาย
แต่ผู้หญิงนั้นคือเพศที่ต้องรับอารมณ์ความต้องการทางเพศของผู้ชาย
ผู้หญิงมีหน้าที่ให้กำเนิดแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
ผู้หญิงไม่ใช่เจ้าของของผู้ชายจึงไม่มีสิทธิ์ในตัวของผู้ชาย
ผู้หญิงสถานะอยู่ในสังคมเป็นได้แค่แม่และเมียที่ดี
ในเรื่องทำลายเธอกล่าว
ทำให้เห็นว่าผู้หญิงในเรื่องนั้นพยายามที่จะทำตัวเองให้มีสิทธิ์เท่ากับผู้ชาย
โดยการที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดบ้าง เป็นฝ่ายนำในการมีเพศสัมพันธ์บ้าง
หรือพยายามต่อต้านผู้ชายในแบบที่ตนเกลียด
พยายามทำตัวเองเข้มแข็งไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายเหล่านั้น
แต่สุดท้ายผู้หญิงเหล่านี้ก็ยังมีความโหยหาต่อผู้ชายที่ตนเคยมีความสัมพันธ์ด้วยเสมอ
พยายามจะไม่ตกเป็นทาสของผู้ชายโดยคิดว่าตนเหนือกว่าตนคือฝ่ายชนะ
เรื่องนี้พยายามจะสื่อออกมาว่าผู้หญิงก็ไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นทุกคน
แต่ว่าในเนื้อเรื่องมันกลับมีความรู้สึกย้อนแย้งในความรู้สึก
เหมือนพวกเธอชนะแต่มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น
เธอพยายามทำน้ำเสียงให้เข้มแข็งแต่มันยังมีความรู้สึกที่เศร้าหม่น ๆ
เสียใจกับการที่ต้องจากกับผู้ชายคนนั้น ยังมีความปรารถนาที่อยากจะนอนกับผู้ชายคนนั้นอีกสักครั้งซึ่งเป็นจิตใต้สำนึกเล็ก
ๆ ที่แสดงออกมาทำให้เห็นว่า ต่อให้เธอจะพยายามแค่ไหน
สุดท้ายเธอเองที่เป็นฝ่ายแพ้เสียเอง
เรื่องทำลายเธอกล่าว
เรื่องนี้อาจจะหมายถึงว่าเธอเหล่านี้ได้ทำลายตัวเองเสียมากกว่าจะทำฝ่ายตรงข้าม
ผู้ในเรื่องพวกเธอพยายามจะเป็นผู้คุมเกม ทำตัวเองเป็นเหมือนกับผู้ชาย
มีสิทธิ์ที่จะทำได้เหมือนกับที่ผู้ชายทำ
แต่สุดท้ายตอนจบของเรื่องก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเธอทำมันศูนย์เปล่า
เพราะสุดท้ายเธอก็ตกอยู่ในอำนาจของผู้ชายอยู่ดี
การที่เรานิยามความเป็นหญิงได้ก็ต่อเมื่อเราได้เอาความเป็นหญิงไปเปรียบเทียบกับความเป็นชาย
เป็นการมองว่าอะไรที่ตนมีและตนไม่มี จึงเกิดการเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนนั้นขาดไป
สังคมพยายามจะทำให้ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นคู่ตรงข้ามกันเสมอ
ไม่มีอะไรอยู่ตรงกึ่งกลางได้
ทำลายเธอกล่าวพยายามหาตำแหน่งแห่งที่ของผู้หญิงในการที่จะยืนอยู่ในสังคม
สังคมผัวเดียวเมียเดียวเป็นสังคมของผู้ชาย
ในเรื่องเกือบทุกเรื่องพยายามที่จะไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานของสังคม
เพราะผู้หญิงในเรื่องมีการแสดงออกทั้งการวางตัวไม่เป็นหญิงไทยมารยาทงานตามแบบที่สังคมอยากให้เป็น
ตัวละครในเรื่องมีความเป็นสมัยใหม่มากขึ้นคือ ไม่ต้องเป็นฝ่ายที่รอรับการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ชายเท่านั้น
แต่พวกเธอกล้าที่จะลุกเข้าไปก่อนเป็นคนนำในเรื่องนี้ก่อนผู้ชาย
เหมือนเป็นการได้ทั้งสองฝ่ายไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเสียเหมือนค่านิยมของไทยที่มองว่า
ถ้าผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ผู้หญิงนั้นจะเป็นฝ่ายเสียหาย
หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมเล่มของนักเขียนหญิงเพราะว่าเหมือนเป็นการแสดงว่าตนก็มีสิทธิ์ที่จะเขียนเรื่องเพศได้เหมือนอย่างผู้ชาย
ที่สามารถเขียนบทเกี่ยวกับเซ็กได้
เพราะเหตุนี้จึงทำให้เราเห็นได้ว่าอำนาจของผู้หญิงนั้นคืออำนาจแห่งการสัมผัส
ไม่ใช่อำนาจแห่งการจ้องมองแบบผู้ชาย ผู้หญิงจะละเอียดอ่อนในด้านอารมณ์คือการสัมผัสทางเนื้อตัว
จะเห็นว่าผู้หญิงนั้นบรรยายออกมาทำให้เห็นเป็นภาพว่าตัวละครนั้นกำลังรู้สึกแบบไหน
แล้วกำลังทำอะไร ต่างจากอำนาจของผู้ชายที่แค่มองก็มีความสุขได้
เช่นการที่ดูหนังเรทอาร์ ผู้ชายนั้นจะสามารถสนองความต้องการของตัวเองได้โดยมีอารมณ์ร่วม
แต่ต่างจากผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมในการดูหนังชนิดนี้ไม่สามารถอินได้เท่ากับที่ผู้ชายดู
เพราะพวกเธอจะเกิดอารมณ์และตอบสนองก็ต่อเมือเธอได้ถูกสัมผัสนั้นเอง
น้ำเสียงของผู้เล่าเรื่องแต่ละตอนเหมือนเป็นการตอบโต้แต่ก็เหมือนเป็นการพ่ายแพ้
เพราะน้ำเสียงของพวกเธอนั้นยังมีความคิดถึง อาลัยอาวรณ์
ปรารถนาที่จะได้มีเพศสัมพันธ์กันอีกสักครั้ง ทุกครั้งที่พวกเธอมีเพศสัมพันธ์กับใคร
เธอมักมีความรู้สึกบางอย่างติดค้างอยู่ในความรู้สึกเสมอ
ถึงแม้พวกเธอจะเป็นคนเลือกผู้ชายเหล่านั้น และเลือกความสัมพันธ์ในแบบที่เธอเป็นคนกำหนดแต่ก็ดูเหมือนเธอเสียเองที่กลับได้รับผลกระทบจากการกระทำของตัวเองมากกว่าฝ่ายตรงข้าม คิดว่าตัวเองเป็นคนนำเกม
ผู้ชายต้องเล่นไปตามเกมของเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ตกลงไปในหลุมที่ตัวเองวางไว้