วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

วิเคราะห์เรื่อง ทำลาย เธอกล่าว ของ รวมนักเขียนหญิง


วิเคราะห์เรื่อง ทำลาย เธอกล่าว ของ รวมนักเขียนหญิง
ทฤษฎีสตรีนิยมเป็นทฤษฎีของผู้หญิงที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับทฤษฎีของฟรอยด์ เพราะฟรอยด์เสนอว่าโลกนี้เป็นโลกของผู้ชาย ผู้หญิงจึงได้ออกมาต่อต้านเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองขึ้นมา เพราะว่าโลกนี้ไม่ได้มีความเป็นชายและความเป็นหญิง ความเป็นหญิงนั้นมันถูกทำให้กลายเป็นหญิงต่างหาก สังคมเป็นตัวสร้างกรอบความเป็นหญิงขึ้นมา เพื่อใช้ในการควบคุมพวกเธอเป็นการใช้อำนาจในทางที่มิชอบ เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเธอ
          ผู้หญิงโดนกดขี่ด้วยอำนาจของความเป็นชาย สังคมปลูกฟังให้เห็นว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ เป็นเพศที่พิการเพราะว่าไม่มีองคชาติ แต่ในความเป็นจริงมันอาจจะไม่สามารถนำสองสิ่งนี้มาเปรียบเทียบกันได้ เพราะว่ามันมีการทำงานที่ต่างกัน แต่ว่าสังคมถูกทำให้เชื่อว่าผู้หญิงอ่อนแอ ดูแลตนเองไม่ได้ ต้องมีผู้ชายคอยปกป้องอยู่เสมอ ผู้ชายคือเจ้าของผู้หญิง ลูกก็คือลูกของผู้ชายเพราะเกิดจากสเปิร์มของผู้ชาย แต่ผู้หญิงนั้นคือเพศที่ต้องรับอารมณ์ความต้องการทางเพศของผู้ชาย ผู้หญิงมีหน้าที่ให้กำเนิดแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ ผู้หญิงไม่ใช่เจ้าของของผู้ชายจึงไม่มีสิทธิ์ในตัวของผู้ชาย ผู้หญิงสถานะอยู่ในสังคมเป็นได้แค่แม่และเมียที่ดี
          ในเรื่องทำลายเธอกล่าว ทำให้เห็นว่าผู้หญิงในเรื่องนั้นพยายามที่จะทำตัวเองให้มีสิทธิ์เท่ากับผู้ชาย โดยการที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดบ้าง เป็นฝ่ายนำในการมีเพศสัมพันธ์บ้าง หรือพยายามต่อต้านผู้ชายในแบบที่ตนเกลียด พยายามทำตัวเองเข้มแข็งไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายเหล่านั้น แต่สุดท้ายผู้หญิงเหล่านี้ก็ยังมีความโหยหาต่อผู้ชายที่ตนเคยมีความสัมพันธ์ด้วยเสมอ พยายามจะไม่ตกเป็นทาสของผู้ชายโดยคิดว่าตนเหนือกว่าตนคือฝ่ายชนะ เรื่องนี้พยายามจะสื่อออกมาว่าผู้หญิงก็ไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นทุกคน แต่ว่าในเนื้อเรื่องมันกลับมีความรู้สึกย้อนแย้งในความรู้สึก เหมือนพวกเธอชนะแต่มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น เธอพยายามทำน้ำเสียงให้เข้มแข็งแต่มันยังมีความรู้สึกที่เศร้าหม่น ๆ เสียใจกับการที่ต้องจากกับผู้ชายคนนั้น ยังมีความปรารถนาที่อยากจะนอนกับผู้ชายคนนั้นอีกสักครั้งซึ่งเป็นจิตใต้สำนึกเล็ก ๆ ที่แสดงออกมาทำให้เห็นว่า ต่อให้เธอจะพยายามแค่ไหน สุดท้ายเธอเองที่เป็นฝ่ายแพ้เสียเอง
เรื่องทำลายเธอกล่าว เรื่องนี้อาจจะหมายถึงว่าเธอเหล่านี้ได้ทำลายตัวเองเสียมากกว่าจะทำฝ่ายตรงข้าม ผู้ในเรื่องพวกเธอพยายามจะเป็นผู้คุมเกม ทำตัวเองเป็นเหมือนกับผู้ชาย มีสิทธิ์ที่จะทำได้เหมือนกับที่ผู้ชายทำ แต่สุดท้ายตอนจบของเรื่องก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเธอทำมันศูนย์เปล่า เพราะสุดท้ายเธอก็ตกอยู่ในอำนาจของผู้ชายอยู่ดี
          การที่เรานิยามความเป็นหญิงได้ก็ต่อเมื่อเราได้เอาความเป็นหญิงไปเปรียบเทียบกับความเป็นชาย เป็นการมองว่าอะไรที่ตนมีและตนไม่มี จึงเกิดการเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนนั้นขาดไป สังคมพยายามจะทำให้ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นคู่ตรงข้ามกันเสมอ ไม่มีอะไรอยู่ตรงกึ่งกลางได้ ทำลายเธอกล่าวพยายามหาตำแหน่งแห่งที่ของผู้หญิงในการที่จะยืนอยู่ในสังคม
          สังคมผัวเดียวเมียเดียวเป็นสังคมของผู้ชาย ในเรื่องเกือบทุกเรื่องพยายามที่จะไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานของสังคม เพราะผู้หญิงในเรื่องมีการแสดงออกทั้งการวางตัวไม่เป็นหญิงไทยมารยาทงานตามแบบที่สังคมอยากให้เป็น ตัวละครในเรื่องมีความเป็นสมัยใหม่มากขึ้นคือ ไม่ต้องเป็นฝ่ายที่รอรับการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ชายเท่านั้น แต่พวกเธอกล้าที่จะลุกเข้าไปก่อนเป็นคนนำในเรื่องนี้ก่อนผู้ชาย เหมือนเป็นการได้ทั้งสองฝ่ายไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเสียเหมือนค่านิยมของไทยที่มองว่า ถ้าผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ผู้หญิงนั้นจะเป็นฝ่ายเสียหาย
          หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมเล่มของนักเขียนหญิงเพราะว่าเหมือนเป็นการแสดงว่าตนก็มีสิทธิ์ที่จะเขียนเรื่องเพศได้เหมือนอย่างผู้ชาย ที่สามารถเขียนบทเกี่ยวกับเซ็กได้ เพราะเหตุนี้จึงทำให้เราเห็นได้ว่าอำนาจของผู้หญิงนั้นคืออำนาจแห่งการสัมผัส ไม่ใช่อำนาจแห่งการจ้องมองแบบผู้ชาย ผู้หญิงจะละเอียดอ่อนในด้านอารมณ์คือการสัมผัสทางเนื้อตัว จะเห็นว่าผู้หญิงนั้นบรรยายออกมาทำให้เห็นเป็นภาพว่าตัวละครนั้นกำลังรู้สึกแบบไหน แล้วกำลังทำอะไร ต่างจากอำนาจของผู้ชายที่แค่มองก็มีความสุขได้ เช่นการที่ดูหนังเรทอาร์ ผู้ชายนั้นจะสามารถสนองความต้องการของตัวเองได้โดยมีอารมณ์ร่วม แต่ต่างจากผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมในการดูหนังชนิดนี้ไม่สามารถอินได้เท่ากับที่ผู้ชายดู เพราะพวกเธอจะเกิดอารมณ์และตอบสนองก็ต่อเมือเธอได้ถูกสัมผัสนั้นเอง
          น้ำเสียงของผู้เล่าเรื่องแต่ละตอนเหมือนเป็นการตอบโต้แต่ก็เหมือนเป็นการพ่ายแพ้ เพราะน้ำเสียงของพวกเธอนั้นยังมีความคิดถึง อาลัยอาวรณ์ ปรารถนาที่จะได้มีเพศสัมพันธ์กันอีกสักครั้ง ทุกครั้งที่พวกเธอมีเพศสัมพันธ์กับใคร เธอมักมีความรู้สึกบางอย่างติดค้างอยู่ในความรู้สึกเสมอ ถึงแม้พวกเธอจะเป็นคนเลือกผู้ชายเหล่านั้น และเลือกความสัมพันธ์ในแบบที่เธอเป็นคนกำหนดแต่ก็ดูเหมือนเธอเสียเองที่กลับได้รับผลกระทบจากการกระทำของตัวเองมากกว่าฝ่ายตรงข้าม  คิดว่าตัวเองเป็นคนนำเกม ผู้ชายต้องเล่นไปตามเกมของเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ตกลงไปในหลุมที่ตัวเองวางไว้