ตีความบทกวี
ชื่อบทกวี
“ในห้องนั้น” ในรวมบทกวี “หากภายในเราลึกราวมหาสมุทร” โดย ซะการีย์ยา อมตยา
ตีความได้ว่า
ในบทกวีนี้จากข้อความแรกจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์นี้อยู่ในห้องพิจารณาคดีลับที่ถูกปิดตาย แต่ไม่ได้รับความยุติธรรม
เพราะมีอำนาจของเงินเข้ามาเกี่ยวด้วย จะเห็นได้จากจ้อความนี้ “ถ้อยคำนั้นตอกตรึงด้วยตะปูดอกทอง เลือดไหลท้นเกินตาตุ่มเสื้อคลุมยุติธรรม”
ต่อมามีการกล่าวถึงความเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
โดยการใส่ความรู้สึกให้กับสิ่งของเห็นได้จากข้อความนี้ “ในห้องนั้นกรอบไม้ทาสีกำลังหัวร่อ
โต๊ะเก้าอี้ปฏิเสธสังฆกรรมอย่างพะอืดพะอม
ตาชั่งนรกสวรรค์เอียงกระเท่เร่เกือบสิ้นบุญ”
จากบทนี้จะเห็นได้ว่าในห้องนั้นมีกรอบไม้ที่หัวเราะได้ มีโต๊ะเก้าอี้ปฏิเสธสังฆกรรมได้อย่างพะอืดพะอม
และยังแสดงอีกว่าตาชั่งระหว่างความเลวกับความดีที่เอนเอียงจนแทบจะไม่เหลือความดีอยู่เลย ในบทนี้ยังกล่าวอีกว่า “ในห้องนั้นแม้แต่ความตายยังอายจะตาย
กระทั้งคำหยาบช้ายังอายที่จะหยาบกระด้าง” นี้เป็นเหมือนคำประชดที่ว่า
แม้แต่ความตายยังอายที่จะตาย
กระทั้งความหยาบช้ายังไม่กล้าที่จะหยาบใส่ในห้องนั้นเลย “ถ้อยคำนั้นตอกตรึงด้วยตะปูดอกทอง เลือดไหลท้นเกินตาตุ่มเสื้อคลุมยุติธรรม”
จะเห็นได้ว่าในข้อความนี้บอกอย่างชัดเจนว่าคำพูดที่เอ่ยออกมานั้น
เมื่อมีอำนาจของเงินเข้ามาเกี่ยวก็จะทำให้กลายเป็นความผิดในคดีนี้ไปได้อยู่ดี
ไม่มีความยุติธรรมใดสามารถทำลายความโลภของคนที่มีต่อเงินทองไม่ว่าจะอยู่อาชีพที่ต้องมีความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายมากที่สุดก็ตาม
“ในห้องนั้น ห้องนั้น ห้องที่ถูกปิดตาย” จากข้อความนี้จะเห็นได้ว่ามีการเน้นคำว่าห้องนั้น ห้องที่ถูกปิดตาย
เป็นการเน้นถึงห้องที่บอกว่ายุติธรรม
เมื่อตัดสินคดีแล้ว
แต่ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นความยุติธรรมที่เกิดขึ้นในห้องนั้นจริงๆ
จากกวีบทนี้จะเห็นได้ว่ามีการกล่าวถึงคดีที่ปิดตายที่ไม่ได้รับความยุติธรรม
โดยมีอำนาจของเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ในคำว่า “ถ้อยคำนั้นตอกตรึงด้วยตะปูดอกทอง” เป็นการกล่าวว่าร้ายและเย้ยหยันในความไม่เป็นธรรมในการตัดสินคดีปิดตายครั้งนี้
เพราะขนาดสิงของที่อยู่ในห้องยังแสดงอาการไม่พอใจในสิ่งที่สิ่งของได้ยินจากห้องพิจารณาคดีครั้งนี้ “ในห้องนั้นแม้แต่ความตายยังอายที่จะตาย” ก็หมายความว่า ชีวิตของคนเราต่างก็ต้องจบลงด้วยความตาย
กวีเปรียบอย่างนี้ก็หมายความว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ถึงแม้จะพูดความจริงออกไป
แต่ถ้ามีอำนาจของเงินเข้ามาเกี่ยว
จากคนไม่ผิดก็จะกลายเป็นคนผิดไปอย่างไม่มีความเป็นธรรม
และจะไม่มีใครรู้ว่าความจริงว่าในการตัดสินคดีนั้นมีความเป็นธรรมจริงหรือไม่
เพราะเป็นห้องปิดตายที่จะมีแค่เจ้าหน้าทีและผู้ต้องหาเท่านั้นที่อยู่ในที่นั้น
และก็จะมีผู้ต้องหาเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองผิดหรือไม่ผิดในคดีนี้