วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561

ตีความบทกวี ชื่อบทกวี “เมล็ดพันธุ์” ในรวมบทกวี “มือนั้นสีขาว” (เรื่องที่5) โดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ


ตีความบทกวี
ชื่อบทกวีเมล็ดพันธุ์ในรวมบทกวีมือนั้นสีขาวโดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
ตีความได้ว่า
          จากการอ่านบทกวี ภาพแรกที่เห็นคือ ลูกมะม่วงสุกลูกใหญ่ลูกหนึ่งนั้นค่อยๆแหว่งไปทีละนิดๆ เพราะเกิดจากการที่มีคนแบ่งกันกินผลมะม่วงลูกนี้กัน และต่อมาจะเห็นได้ว่ามีการกัดกินมะม่วงจนเหลือแต่เมล็ดเท่านั้น เมื่อเหลือแต่เมล็ดจึงโยนทิ้งไป และเมล็ดมะม่วงเมล็ดนั้นก็ได้ไปอยู่บนดินที่แห้ง เมื่อเมล็ดอยู่บนดินเวลาค่อยๆผ่านไปก็เกิดฝนตกขึ้นจากคำที่ว่า ฝนขุดดินฝังอาบเมล็ดชุ่มทำให้เห็นได้ว่าฝนตกลงมาทำให้ดินที่แห้งนั้นชุ่มชื้น กลายเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และทำให้เมล็ดที่โยนทิ้งไปนั้นได้มีการเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีรู้ตัวว่ามันเริ่มโตขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่มีใครสนใจใส่ใจกับมันเลย ว่าเมล็ดมะม่วงที่โยนทิ้งไปนั้นกำลังเริ่มมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา  และภาพต่อมาที่เห็นในบทก็คือมีมะม่วงต้นใหญ่เกิดขึ้นตรงกลางที่ระหว่างครอบครอบสองครอบครัว ครอบครัวสองครอบครัวนี้มีความสนิทกัน ดูได้จากข้อความนี้ ลูกเต้าลองครอบครัวปรองดอง และภาพต่อมาที่เห็นก็คือ ลูกของครอบครัวสองครอบครัวนั้นเกิดการทะเลาะกัน เพราะแย่งผลมะม่วงกัน  คนในครอบครัวจึงสอนลูกว่าให้รู้จักแบ่งปัน แบ่งกันกินอย่าทะเลาะกันด้วยแค่เรื่องมะม่วงลูกเดียวเห็นได้จากข้อความนี้อย่าถึงต้องช่วงชิงกันบ้าระห่ำ ผลัดกันกัดทีละคำเถอะลูกเอยและต่อมาจะเห็นได้ว่าประโยคที่บอกว่า เพื่อเมล็ดพันธุ์จะได้งอกเงยงดงามอันนี้มีการแฝงความหมายในไว้ด้วย ไม่ใช่หมายถึงแค่เมล็ดพันธุ์ของมะม่วงจะงอกงาทอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงความปรองดองของสองครอบครัวนี้จะได้เป็นมิตรที่ดีต่อกัน และยังสอนลูกไม่ให้เห็นแกตัวด้วยข้อความที่ว่า อย่าเหมือนลูกไม้ในสวนแห่งความเห็นแก่ตัว  ที่เขากั้นรั้วด้วยขวากหนามและเรียวหนาม
          จากบทกวีบทนี้จะเห็นได้ว่า  ครอบครัวสองครอบครัวนี้เป็นมิตรกันและสอนให้ลูกนั้นรู้จักการแบ่งปันกัน  อย่าเห็นแกตัวอย่าเอาแต่ได้  เพราะเมื่อก่อนที่จะเป็นต้นมะม่วงใหญ่นี้ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่เมื่อมีต้นมะม่วงนี้เกิดขึ้นมาแล้วเราก็ควรที่จะแบ่งปันกัน  อย่าให้ความเห็นแก่ตัวของแต่ละคนนั้นมาทำลายมิตรภาพที่ดี ความสุขของกันและกันที่เคยมีมา และเราควรมีน้ำใจต่อกันและกัน